ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 คืบหน้ากว่า 73.01%

19 ธ.ค. 2566 | 10:46 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ธ.ค. 2566 | 10:46 น.

ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 คืบหน้ากว่า 73.01% กนอ.เผยจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบโครงการช่วงที่ 1 แล้วเกือบ 100 % ยันทำทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบและโปร่งใส

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ล่าสุดอยู่ที่ 73.01% โดยเป็นการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (ถมทะเล) แล้วเสร็จ การก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคภายในพื้นที่ท่าเรือ การก่อสร้าง ระบบป้องกันมลพิษ และการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภครองรับการพัฒนาในเฟสต่อไป 

"หากโครงการฯ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2567 และพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2570"


 

ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 ว่า ล่าสุดจ่ายไปแล้วเกือบ 100% 

ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 คืบหน้ากว่า 73.01%

สำหรับแนวทางการเยียวยาผู้ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 นั้น พิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงและเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบจากโครงการทั้งทางตรงและทางอ้อม

อีกทั้ง ยังมีการดำเนินการจัดตั้งกองทุนมูลนิธิหลักประกันความเสียหายฉุกเฉิน และกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีคณะกรรมการกองทุนบริหารจัดการกองทุนตามที่ EHIA (Environmental and Health Impact Assessment : รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับ โครงการ กิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง) กำหนดอย่างครบถ้วน


 

"ที่ผ่านมา กนอ. จ่ายเงินเยียวยาผู้ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ แล้ว เป็นเงิน 93,500,000 บาท ยังเหลือค้างจ่าย 1 ราย เนื่องจากต้องรอเอกสารจากศาล และโอนเงินงบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้กับชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดที่ดำเนินโครงการแล้วเสร็จ 100%"

นายวีริศ กล่าวอีกว่า กนอ.ดำเนินการตามขั้นตอนรวมถึงวิธีการเยียวยาตามที่ EHIA กำหนด ด้วยความรอบคอบและโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด รวมทั้งแจ้งข้อมูลการเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบทุกรายทราบแล้ว