"Klook"ระดมทุนเพิ่มรอบใหม่ 210 ล้านเหรียญสหรัฐรุกธุรกิจ 3 แนวทาง

13 ธ.ค. 2566 | 13:26 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2566 | 13:26 น.

"Klook"ระดมทุนเพิ่มรอบใหม่ 210 ล้านเหรียญสหรัฐรุกธุรกิจ 3 แนวทาง ทั้งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ยกระดับโซเชียลและดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และนำนวัตกรรมเกี่ยวกับ AI มาใช้งานอย่างต่อเนื่อง

อีธาน ลิน ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook เปิดเผยว่า Klook บรรลุข้อตกลงด้านเงินลงทุนในการระดมทุนรอบใหม่มูลค่า 210 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะมีการจัดสรรเงินทุนที่ระดมได้ในรอบล่าสุดใน 3 แนวทาง ได้แก่ 

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ โดยจะพัฒนาและออกแบบ City Pass ให้ครอบคลุมความต้องการของนักท่องเที่ยวและทำให้นักท่องเที่ยวสะดวกและประหยัดมากขึ้น 

ยกระดับโซเชียลและดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งผ่านโปรแกรม Klook Kreator เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์เนื้อหาจากผู้ใช้งานจริง 

นำนวัตกรรมเกี่ยวกับ AI มาใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Google Cloud เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการ AI นำมาใช้บนแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การแปลอัตโนมัติ, การสร้างคอนเทนต์, การให้บริการลูกค้าผ่าน chatbot โดยบริษัทยังวางแผนที่จะร่วมมือกับนักลงทุนใหม่ในระดับภูมิภาค เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและส่งเสริมให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มุ่งเป้าที่การเจาะกลุ่มชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา Klook ได้ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาและเสริมกำลังให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงเรายังได้ขยายประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการการท่องเที่ยว โดยได้เพิ่มบริการการจองรถ และเพิ่มกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งกิจกรรมและบริการการท่องเที่ยวที่เพิ่มเข้ามานั้น เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถตอบรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป และต่อยอดเทรนด์การเดินทางรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด

"Klook"ระดมทุนเพิ่มรอบใหม่ 210 ล้านเหรียญสหรัฐรุกธุรกิจ 3 แนวทาง

สำหรับทิศทางของบริษัทหลังจากนี้ จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มความแข็งแกร่งของแบรนด์ และให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ app-first เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ใช้งาน klook ผ่านแอปพลิเคชัน โดยในปัจจุบันพบว่ายอดการจองมากกว่า 80% เกิดขึ้นบนมือถือ ซึ่งลูกค้าใหม่ในปี พ.ศ 2566 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี พ.ศ 2562 ในขณะที่ลูกค้าปัจจุบันก็มียอดการกลับมาใช้บริการซ้ำในอัตราสูง โดยยอดการจองซ้ำของลูกค้ามีมากกว่าครึ่งของจำนวนการจองทั้งหมด 

“Klook ให้ความสำคัญกับการเสริมรากฐานความแข็งแกร่งของธุรกิจ เพื่อนำไปสู่การเติบโตทางรายได้และกำไร รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของรายได้ของธุรกิจต่อจำนวนพนักงานในองค์กร (revenue per headcount) ให้สูงขึ้น 3 เท่า โดยถือเป็นก้าวสำคัญเข้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ในขณะที่ประเทศแถบเอเชียกำลังฟื้นตัวจากโควิดมีอีเว้นท์ระดับโลกมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้น อาทิ Paris Olympics 2024 และ Osaka World Expo 2025 เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ร่วมกับการเห็นเทรนด์การเติบโตของการใช้จ่ายที่มากขึ้น และการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้เราเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของเอเชียกำลังดำเนินไปในทิศทางบวก”

อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกจะเติบโตสูงขึ้น 15.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี พ.ศ. 2576 โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีการเติบโตมากที่สุด ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตประจำปี (CAGR) ที่ 11% (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2571) โดยอัตราการเติบโตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้สูงเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับการเติบโตในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป 

ซึ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถได้ส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดใหญ่จากการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีปัจจัยมาจากการขับเคลื่อนโดยกลุ่มชนชั้นกลาง ,การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และเทรนด์ความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่างหลากหลาย 

เอริค น็อก ฟาห์ ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook กล่าวว่า Klook ต้องการตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางรุ่นใหม่ที่มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยี และมีความกระตือรือร้นที่จะค้นหาและทดลองกิจกรรมที่แตกต่างหลากหลาย โดยมีจุดมุ่งหมายคือการทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจโลกได้อย่างง่ายดายผ่าน Klook แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวสู่จุดหมายปลายทางไปสู่ประสบการณ์การท่องเที่ยว และการเดินทางที่สะดวกสบาย