ภารกิจใหญ่เศรษฐา เยือนญี่ปุ่น เปลี่ยนผ่านรถยนต์สันดาปสู่รถยนต์อีวี

13 ธ.ค. 2566 | 09:18 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2566 | 09:50 น.

เศรษฐา ปาฐกถา SUSTAINABILITY FORUM 2024 ชู จุดขาย พลังงานสะอาด ดึงจีน-นักลงทุนโลกย้ายฐาน-ตั้งรกรากในไทย เปิดใจ ภารกิจใหญ่ เยือนญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ 14-18 ธันวาฯ เปลี่ยนผ่านรถยนต์สันดาป สู่ รถยนต์อีวี

วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่ ไบเทค บางนา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “SUSTAINABILITY FORUM 2024” เรื่อง Clean Energy for Thailand Economy through Sustainability หัวข้อ “COP28 พันธสัญญาไทยขับเคลื่อนความยั่งยืน” จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่า ตนได้เดินทางไปต่างประเทศในหลายทริป ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการค้า ดึงนักลงทุนเข้ามา หรือไปพูดที่ UNGA ก็ตาม เรื่อง Green energy เรื่อง NET Zero เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีความขัดแย้งหรือเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ในทุกวงเจรจาระหว่างประเทศ ทุกประเทศให้ความสนใจ พร้อมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการผลักดันเรื่อง Net Zero 
 

นายเศรษฐากล่าวว่า ประเทศไทยโชคดี เรามีนักธุรกิจ มีผู้นำทางด้านความคิด สื่อมวลชนให้ความสำคัญ SDGs Index อยู่ในอันดับ 43 ของโลก ดีที่สุดในอาเซียน เป็นจุดขายที่ใหญ่ที่สุดในการดึงดูนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ เกิดการย้ายฐานการผลิต ในประเทศจีนและอีกหลายประเทศเข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย 

“ที่จะไปญี่ปุ่นพรุ่งนี้ที่ก็ให้ความสำคัญ ทุกคนหนักใจ ผมหนักใจ เพราะทางจีนเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Net Zero แต่ญี่ปุ่น ยัง Back behind เพราะฉะนั้นภารกิจใหญ่ของรัฐบาลจะต้องไปพูดคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจน"นายเศรษฐากล่าวและว่า

"ญี่ปุ่นมีบุญคุณกับเรามายาวนาน เป็นประเทศที่ลงทุนในไทยสูงสุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา มีซัพพลายเชนที่มั่นคง ยิ่งใหญ่ แต่อุตสาหกรรมยังไม่เป็นสีเขียว เพราะฉะนั้นการที่จะต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกสีเขียวเป็นประเด็นที่ต้องพูดคุยกัน และในฐานะที่ญี่ปุ่นมีบุญคุณกับไทย เราต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน อยู่ด้วยกันให้ได้ แต่แก่นสารหลักเราต้องเป็นประเทศที่สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด”นายเศรษฐากล่าว

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า นายเศรษฐามีกำหนดการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 14-18 ธันวาคม 2566 โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Commemorative Summit) เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน – ญี่ปุ่น 2 ฉบับ ได้แก่

1.ร่างแถลงการณ์ร่วมวิสัยทัศน์ว่าด้วยมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน – ญี่ปุ่น และ 2.ร่างแผนดำเนินงานตามแถลงการณ์ร่วมวิสัยทัศน์ว่าด้วยมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน – ญี่ปุ่น