ททท.ยันต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้ทะลุเป้า 27 ล้านคน แต่รายได้พลาดเป้า 4 แสนล้าน

07 ธ.ค. 2566 | 01:00 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2566 | 13:56 น.
543

ททท.อัพเดทสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ยันนักต่างชาติเที่ยวไทยตลอดทั้งปี 2567 นี้ ทะลุ 27 ล้านคนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่รายได้มีแนวโน้มพลาดเป้า ไป 4 แสนล้านบาท

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด พบว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-11 พ.ย.2566 รวม 25.08 ล้านคน สร้างรายได้ 1,067,513 ล้านบาท

นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทย 1 ม.ค.-11 พ.ย.2566

ประกอบกับในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เป็นช่วงไฮซีซันด้านการท่องเที่ยวจึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยราว 2 ล้านคน ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปี 2566 ททท.มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 27 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายที่ ททท.ตั้งไว้ตลอดปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-28 ล้านคน สร้างรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

ขณะที่การเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทย จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (นักท่องเที่ยวและนักทัศนาจร)ในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.2566) พบว่าคนไทยเดินทางแล้ว 228 ล้านคน-ครั้ง จึงคาดว่าตลอดทั้งปีจะถึง 240 ล้านคน-ครั้ง ถือว่าสูงกว่าเป้าหมายตลอดทั้งปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 200 ล้านคน-ครั้ง โดยมีรายได้ 800,000 ล้านบาท

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวต่อว่าแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเป็นไปตามเป้า และคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในแง่ของรายได้จากการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีนี้มีแนวโน้มว่าอาจจะหย่อนจากเป้าหมายไปบ้าง

โดยททท.คาดว่าตลอดทั้งปี2566 นี้ เมื่อรวมรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยอีก 8 แสนล้านบาท ทำให้ในปี 2566 ประเทศไทยจะมีรายได้รวมการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ 2.4 ล้านล้านบาท หรือพลาดเป้าไป 4 แสนล้านบาท

เหตุผลหลักมาจากรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยยังไม่เท่ากับที่คาดหวังไว้ที่ 5 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป  เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ปัญหาเที่ยวบินที่ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม ทำให้การเดินทางมาเที่ยวไทยของตลาดระยะไกล อย่างนักท่องเที่ยวยุโรป ยังน้อยเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้

โดยตลาดระยะไกล จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยด้านการท่องเที่ยวที่สูงกว่านักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ เนื่องจากมีวันพักเฉลี่ยในไทยสูงกว่า ขณะที่นักท่องเที่ยวจากตลาดระยะสั้นแม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวไทยมาก มีความถี่ในการเดินทางเข้ามาเที่ยวได้มากกว่า แต่ระยะเวลาพำนักในไทยก็จะสั้นกว่า

อาทิ นักท่องเที่ยวมาเลเซีย ในปีนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยมากอันดับ 1 คาดว่าปีนี้จะถึง 4.59 ล้านคน แต่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 26,000 บาทต่อคนต่อทริป ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย ตลอดทั้งปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3.4-3.5 ล้านคน จากที่หวังว่าจะได้ 4-4.04 ล้านคน 

เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีปัญหาและรัฐบาลจีนเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศแทน เห็นได้จากราคาตั๋วเครื่องบินภายในประเทศของเดือนธ.ค.เฉลี่ย 590 หยวน ลดลง 19% จากเดือนพ.ย.ที่มีราคา 728 หยวน ขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศในเดือนธ.ค.ราคาเท่ากับเดือนพ.ย.ที่เฉลี่ย 1,980 หยวน ทำให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจำนวนมาก เฉพาะที่มณฑลยูนนานมีมากถึง 900 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากปี 2562

ดังนั้นเพื่อผลักดันให้เกิดการเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ททท.ก็จะชงเรื่องไปยังกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอให้นำเสนอครม.เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวในกลุ่ม CIS บางประเทศที่ได้รับยกเว้นวีซ่าอยู่แล้ว อยู่ไทยได้นานขึ้นจาก 30 วันเป็น 90 วัน เหมือนขยายให้กับนักท่องเที่ยวรัสเซีย

ทั้งจะหารือกระทรวงการต่างประเทศ ออก มัลติเพิล วีซ่า (Multiple Visa) เพื่อให้นักท่องเที่ยวบางประเทศทำวีซ่าสามารถเข้าออกประเทศไทยได้หลายครั้ง เพื่อรองรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินทางจากไทยเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ดึงดูดให้เขากลับมาเที่ยวประเทศไทยอีก

รวมถึงขยายเวลายกเว้นวีซ่า(วีซ่าฟรี)ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน ที่จะหมดลงในวันที่ 29 ก.พ.2567 ออกไปอีก เพราะมาตรการนี้ได้ผล โดยจากข้อมูลของเอลี เพย์ พบว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนมียอดใช้จ่ายในไทยไม่รวมค่าที่พักและตั๋วเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 100% จาก 10,000 บาทต่อทริป เป็น 20,000 บาทต่อทริป 

อีกทั้งยังพบว่าล่าสุดประเทศมาเลเซีย ออกมาตรการยกเว้นวีซ่าให้ชาวจีนถึงสิ้นปี 2567 ถ้ามาตรการนี้ไม่ดี คู่แข่งคงไม่ทำตาม 

รวมไปถึงการส่งเสริมการจัดเฟสติวัลต่างๆเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และกระตุ้นการใช้จ่าย การส่งเสริมกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ เช่น เฮลธ์แอนด์เวลเนส กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางโดยเรือครูซ เรือสำราญ เป็นต้น

สำหรับเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2567 ททท.จะดำเนินนโยบายที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านพักค้างนานขึ้นเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายในไทย ซึ่งเป้าหมายเชิงนโยบายรัฐบาลตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวที่ 3.5 ล้านล้านบาท  สูงกว่าเป้าหมายเดิมของททท.ที่ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวไว้ที่ 3 ล้านล้านบาท สำหรับนักท่องเที่ยวจีนในปี 2567 ตั้งเป้าไว้ 8.5 ล้านคน 

การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในขณะนี้ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักธุรกิจจึงเข้าใจปัญหาของการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี และสั่งการททท.ในหลายประเด็น ที่ต้องทำให้ได้ เช่น ควิกวินกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการยาแรงโดยการยกเว้นวีซ่าให้กับหลายประเทศ การบริหารจัดการภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยในโลกออนไลน์ การบริหารจัดการบรรยากาศท่องเที่ยว รวมทั้งการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง ผู้ว่าททท.กล่าวทิ้งท้าย