“กรมราง” เปิดสถิติยอดผู้โดยสาร “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” วันแรก 9.8 หมื่นคน

24 พ.ย. 2566 | 10:12 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2566 | 10:22 น.

“กรมขนส่งทางราง” เปิดยอดผู้โดยสารวันแรก “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” แตะ 9.8 หมื่นคน-เที่ยว หลังเปิดให้บริการทดลองฟรี 1 เดือน ฟากรถไฟฟ้าสายสีม่วง รับอานิสงส์ยอดผู้โดยสารพุ่งทุบสถิติ รับสถานการณ์โควิด-19 เร่งสร้างทางเข้า-ออกทุกแห่งแล้วเสร็จ ธ.ค.นี้

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (22 พฤศจิกายน 2566) เป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ถึงสถานีมีนบุรี (PK30) ฟรีตลอดเส้นทาง รวม 30 สถานี ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึงเวลา 20.00 น. (รวม 14 ชั่วโมง) รวมทั้งให้บริการที่จอดรถฟรีที่อาคารจอดแล้วจร (Park&RIde) บริเวณสถานีมีนบุรี (PK30) มีผู้มาใช้บริการรวมจำนวน 98,262 คน-เที่ยว 

“กรมราง” เปิดสถิติยอดผู้โดยสาร “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” วันแรก 9.8 หมื่นคน

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ให้บริการเฉพาะช่วงเวลา 15.00-20.00 น. รวม 5 ชั่วโมง ให้บริการ 69 เที่ยว มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 50,910 คน-เที่ยว) สะสมสองวันมีผู้ใช้บริการรวม 149,172 คน-เที่ยว โดยบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพู จัดขบวนรถให้บริการสูงสุด 14 ขบวน ให้บริการทุก 10 นาที ตั้งแต่เวลา 06.00 - 20.00 น. รวม 172 เที่ยว (รวมขบวนรถเสริม 3 เที่ยว) 

 

ทั้งนี้พบว่า ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (PK16) มีผู้ใช้บริการมากที่สุดกว่า 17,000 คน-เที่ยว ซึ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนได้มีการบริหารจัดการผู้โดยสารที่สถานี (Crowed Control) เพื่อลดความหนาแน่นที่ชั้นชานชาลาและในขบวนรถ เนื่องจากเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุ (N17) โครงการรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท โดยในช่วงทดลองให้บริการผู้โดยสารสายสีชมพูยังคงต้องใช้ทางเข้า-ออก เพื่อออกจากระบบแล้วเดินไปยังทางเข้า-ออกของรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท 
 

ส่วนสถานีที่มีผู้ใช้บริการรองลงมาได้แก่ สถานีวงแหวนรามอินทรา (PK25) สถานีตลาดมีนบุรี (PK29) สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 (PK08) สถานีหลักสี่ (PK14) สถานีมีนบุรี (PK30) และสถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2566 ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 – 20.00 น. ให้บริการทุก 10 นาที ก่อนขยายเวลาให้บริการต่อไป 

“กรมราง” เปิดสถิติยอดผู้โดยสาร “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” วันแรก 9.8 หมื่นคน

“กรมการขนส่งทางรางได้ประสานการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (NBM) เร่งดำเนินการก่อสร้างทางขึ้น-ลงทุกสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงทางเดินเชื่อมต่อให้แล้วเสร็จก่อนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป”

 

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบราง ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 พบว่า มีผู้ใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,701,845 คน-เที่ยว  ประกอบด้วย 1.รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 64,229 คน-เที่ยว  ประกอบด้วย 1.1 ขบวนรถโดยสารเชิงพาณิชย์ จำนวน 20,356 คน-เที่ยว 1.2 ขบวนรถโดยสารเชิงสังคม จำนวน 43,873 คน-เที่ยว
 

2. รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (รวมรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง) จำนวน 1,637,616 คน-เที่ยว โดยมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) 78,355 คน-เที่ยว สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ Covid-19 (ครั้งล่าสุดเมื่อ 21 พ.ย.66 จำนวน 76,960 คน-เที่ยว) เนื่องจากที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เป็นสถานีที่มีทางเดินเชื่อมต่อระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (PK01)

“กรมราง” เปิดสถิติยอดผู้โดยสาร “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” วันแรก 9.8 หมื่นคน

ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) (PP11)  ประกอบด้วย 2.1 รถไฟฟ้า Airport Rail Link จำนวน 64,229 คน-เที่ยว 2.2 รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จำนวน 29,143 คน-เที่ยว (รวมรถไฟทางไกลเชื่อมต่อสายสีแดงฟรี จำนวน 269คน-เที่ยว) 2.3 รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) จำนวน 478,749 คน-เที่ยว

 

2.4 รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) จำนวน 78,355 คน-เที่ยว (นิวไฮ) 2.5 รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิทและสายสีลม จำนวน 841,570 คน-เที่ยว 2.6 รถไฟฟ้า สายสีทอง จำนวน 6,000 คน-เที่ยว 2.7 รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง จำนวน 35,601 คน-เที่ยว 2.8 รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู จำนวน 98,262 คน-เที่ยว 

 

นอกจากนี้เมื่อเทียบกับวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพิ่มขึ้นจำนวน 95,252 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.18 (14 พ.ย.66 จำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าฯ รวม 1,542,364 คน-เที่ยว) โดยมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.42 และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.73 ตามลำดับ