"แจกเงินดิจิทัล"หนังคนละม้วน หากขัดกฎหมาย รัฐบาลอยู่ยาก

14 พ.ย. 2566 | 13:29 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2566 | 16:14 น.

"เกียรติ สิทธีอมร" มอง"แจกเงินดิจิทัล"หนังคนละม้วน กับตอนหาเสียง จี้ กกต. สร้างมาตรฐาน ย้ำหากขัดกฎหมาย รัฐบาลอยู่ยาก ห่วงต่างชาติลดความเชื่อมั่นประเทศ

จากเงื่อนไขการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลเพื่อไทย ที่นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้แถลงด้วยตัวเองไปเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาแล้วนั้น ทั้งข้อสังเกต ข้อวิพากษ์วิจารณ์ ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนี่อง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียด เงิจดิจิทัล 10000 บาท

ฐานเศรษฐกิจ สัมภาษณ์พิเศษ นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตผู้แทนการค้าไทย ถึงกรอบเงื่อนไข และแนวทางการการบริหารนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ประกาศล่าสุดโดยนายกฯ ความเห็นแรกที่สะท้อนออกว่าคือ "หนังคนละม้วน"

นายเกียรติ กล่าวว่า รายละเอียดการแจกเงินดิจิทัลเท่าที่ออกมา ถือว่าไม่ตรงกับสิ่งที่ได้ประกาศไว้ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง หรือเรียกว่าหนังคนละม้วน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องตรวจสอบ เพื่อวางมาตรฐานให้กับพรรคการเมืองในการหาเสียง ไม่เช่นนั้นในอนาคต จะทำให้พรรคการเมือง และนักการเมืองไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน

พร้อมย้อนที่มาของเงินเพื่อใช้ทำนโยบาย ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยชี้แจงกับ กกต.ว่า มาจากงบประมาณรายได้ของรัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 เป็นเงิน 260,000 ล้านบาท และเป็นผลคูณทางเศรษฐกิจจากนโยบายนี้อีก 100,000 ล้านบาท ,บริหารจัดการงบประมาณ 110,000 ล้านบาท และเกลี่ยงบซ้ำซ้อนอีก90,000 ล้าน แต่กลับกลายเป็นว่าต้องออกพระราชบัญญัติเฉพาะ

นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย

นายเกียรติ กล่าวถึงพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังว่า ระบุชัดว่าการออกพ.ร.บ.เฉพาะต้องเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน และต้องเป็นกรณีที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้วิกฤติของประเทศ หรือโดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน

จึงเห็นได้ว่าการออกนโยบายเช่นนี้ไม่ตรงกับหลักของกฎหมาย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่สามารถออกพ.ร.บ.งบประมาณได้ทัน เนื่องจากงบประมาณปี 2567 อยู่ในกระบวนการจัดทำ จึงสามารถบรรจุไว้ในปีงบประมาณ 2567 ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมต้องมีผู้ส่งตีความและไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากนโยบายแจกเงินดิจิทัล ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากติดขัดทางกฎหมาย รัฐบาลจะอยู่ยาก 

ซึ่งหากอยากจะขับเคลื่อนนโยบายนี้ให้ไปต่อได้ สามารถดำเนินการกับกลุ่มประชากรที่ลงทะเบียน เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยจำนวน 10 กว่าล้านคนก่อนได้ เพราะยังถือว่าได้ขับเคลื่อนนโยบายไปบ้างบางส่วน แล้วค่อยไปวัดผลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าประชาชนยังให้ความไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทยอยู่อีกหรือไม่

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นอกจากนี้ หากมองเรื่องความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ ทั้งที่ที่ผ่านมาประเทศไทยเติบโตปีละเฉลี่ยประมาณ 2% ความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องกระตุ้น 

เนื่องจากนโยบายลักษณะนี้เป็นการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคแค่ครั้งเดียว แต่มีการสร้างภาระหนี้ถึง 500,000 ล้านบาท และหลังจากนั้นต้อง ตั้งหน้าตั้งตาใช้หนี้ต่อไป 5-10 ปี เป็นนโยบายที่ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีการปรับปรุงในเชิงโครงสร้าง 

ไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ทำให้เกิดการสร้างรายได้ระยะยาว นี่จึงเป็นคำถามที่นายกรัฐมนตรีต้องตอบว่าเหตุผลใดจึงทำให้ท่านจึงมีความเชื่อว่าจะสามารถเกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ การระบุว่าสามารถนำเงินดิจิตอลไปเป็นเงินลงทุนได้ก็ยังไม่มีความชัดเจน


สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตาต่างประเทศ เห็นได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นตลาดทุน ที่ยังไม่มีการตอบรับ แม้จะมีปัจจัยจากเรื่องอื่นด้วยก็ตาม แต่เรื่องของนโยบายรัฐบาลก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง 

กระทั่งหน่วยงานที่ประเมินความน่าเชื่อถือ ระหว่างประเทศก็ได้ส่งสัญญาณว่าหากประเทศไทย ดำเนินนโยบายเช่นนี้จะส่งผลต่อการจัดเครดิตเรทติ้งของประเทศไทย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะถือเป็นเรื่องใหญ่ และตนเองยังได้รับคำถามจากนักลงทุนต่างชาติว่าการดำเนินนโยบายเช่นนี้ เป็นเพราะบุคคลในรัฐบาลมีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับกลุ่มทุนผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหรือไม่ นี่จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องชี้แจง


นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตถึงเงื่อนไขการแจกเงินดิจิตอลให้กับผู้ที่มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาทว่า รัฐบาลนำข้อมูลเหล่านั้นมาจากไหน เนื่องจากถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งหากเจ้าของบัญชีไม่ได้ยินยอมให้เปิดเผย ธนาคารผู้รับฝากเงินจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้มีจึงความเสี่ยงว่าจะผิดกฎหมาย PDPA หรือไม่


นายเกียรติ ย้ำในตอนท้ายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ รัฐบาลจะไปโทษคนที่มีเสียงสะท้อนออกมาไม่ได้ เพราะควรต้องโทษตัวเองที่ไม่สามารถดำเนินนโยบายให้ตรงกับสิ่งที่หาเสียงเอาไว้ จนท้ายที่สุดไม่สามารถดำเนินนโยบายได้เนื่องจากขัดกับกฎหมาย 


สิ่งที่รัฐบาลควรทำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดย ไม่ต้องใช้เงินอะไรเลย ได้แก่การควบคุมราคาพลังงานให้ถูกลง ทั้งค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องใช้เงินสักบาทเดียว ด้วยการปรับโครงสร้างให้เป็นธรรม เช่นเดียวกันกับส่วนต่างดอกเบี้ย ต้องมีการปรับให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้