จับตา 3 ต.ค. รัฐบาลคิกออฟ Soft Power พิสูจน์ฝีมือ "แพทองธาร"

03 ต.ค. 2566 | 09:00 น.

จับตา 3 ต.ค. "แพทองธาร ชินวัตร" รองปธ.กก.ซอฟต์พาวเวอร์ฯ ประชุมนัดแรกที่ทำเนียบรัฐบาลกับคณะทำงาน Soft Power ตั้งเป้าผลักดันพลังสร้างสรรค์ ของดีเมืองไทย พร้อมสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทย

ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ได้หาเสียงไว้ หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่230/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธาน และ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิจากแต่ละสาขาวิชาชีพเข้าร่วม รวมถึง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ที่ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ รวม 29 คน

คณะกรรมการชุดนี้ จะมีการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ (3 ต.ค.) จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษว่า จะมีแผนงาน แบ่งงาน และกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการแต่ละช่วงเพื่อนำไปสู่การทำงานอย่างเป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับกรอบไทม์ไลน์ของการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย เชิงยุทธศาสตร์เรื่องนี้จะถูกกำหนดออกมาเป็นแผนงานทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยคาดว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมแผนงานต่าง ๆ แล้ว พร้อมนับหนึ่งสามารถ Kick off ได้ทันที

ช่วง 100 วันแรก

  • เปิดให้ประชาชน ลงทะเบียนแสดงเจตจำนงพัฒนา เพิ่มทักษะ 
  • กำหนดแผนงาน ส่งเสริมกิจกรรม เทศกาลประจำเดือนของไทย

แผนงานระยะกลาง 

  • สร้างศูนย์บ่มเพาะ ฝึกวิชาชีพ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน 
  • จัดตั้งหน่วยงาน THACCA ( Thailand Creative Content Agency) เพื่อดูแลส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย มีอำนาจเบ็ดเสร็จ มีงบประมาณบริหารจัดการเป็นของตัวเอง 

แผนงานระยะยาว

  • นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟท์พาวเวอร์ จะยกระดับทักษะคนไทยให้เป็นแรงงานทักษะสูง 20 ล้านคน สร้างรายได้อย่างน้อย 200,000 บาทต่อปี

แผนงานทั้งสามระยะดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นเพียงแผนงาน ไทม์ไลน์ของคณะทำงาน Soft power ที่จะมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้ควบคุมทิศทางตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับฟังความเห็น วางแผน กำหนดทิศทาง พร้อมจัดทำความเห็นต่าง ๆ เสนอไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติสั่งการไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลักดันและทำให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป