นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ให้กับลูกหนี้เกษตรกรรายย่อย โดยในปีที่ 1 อนุมัติวงเงิน 12,000 ล้านบาท ในการจ่ายดอกเบี้ยทดแทนเกษตรกร โดยใช้งบประมาณจากนโยบายกึ่งการคลัง มาตรา 28 ตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66
สำหรับเงื่อนไขมาตรการพักชำระหนี้ดังกล่าว มีลูกหนี้เกษตรกรทั้งหมด 2.7 ล้านราย มูลหนี้รวม 3 แสนล้านบาท ได้แก่
- ลูกค้าที่ได้รับเกณฑ์เข้าร่วมโครงการต้องมีต้นเงินคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท
- ได้รับสิทธิทั้งเกษตรกรที่มีสถานะเป็นหนี้ปกติ และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs)
- ต่อสัญญาปีต่อปี โดยในปีแรกได้รับสิทธิในการพักชำระหนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2566 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2567
- เกษตรกรสามารถตรวจสอบสิทธิได้ผ่านแอป BAAC Mobile
- แสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการตามความสมัครใจ ผ่านช่องทางธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2566 ถึงวันที่ 31 ม.ค.2567
- ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs จะสามารถเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ได้ เมื่อได้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ของ ธ.ก.ส. แล้ว
นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มมาตรการจูงใจในการลดภาระหนี้ ได้แก่
- ลูกหนี้ที่มีสถานะปกติ ต้องการชำระหนี้ รัฐบาลสร้างแรงจูงใจในการลดหนี้ โดยเงินที่ชำระหนี้ครึ่งหนึ่ง จะได้รับการตัดชำระเงินต้น เพื่อให้มูลหนี้ลดลง
- ลูกหนี้ NPL หากต้องการชำระหนี้ ก็จะสามารถชำระเงินต้นได้ทั้งหมด 100% โดยไม่มีการนำไปตัดส่วนดอกเบี้ย
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดทำโครงการบูรณาการร่วมกับ ธ.ก.ส. อีกจำนวนมาก และยังมีกลไกให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อสามารถนำไปประกอบอาชีพต่อไปได้ โดยมีการจัดสินเชื่อให้เพิ่มเติม รายละไม่เกิน 100,000 บาท และให้ดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำ ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับบอร์ด ธ.ก.ส. เพื่อสรุปอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง