รัฐบาลเศรษฐา จัดเต็มอัดนโยบาย 5 ปีหนี้สาธารณะแตะ 14.6 ล้านล้าน

13 ก.ย. 2566 | 17:30 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ย. 2566 | 09:22 น.
626

รัฐบาลเศรษฐา ทบทวนแผนการคลังในระยะปานกลาง จัดเต็มอัดสารพัดนโยบาย ดันหนี้สาธารณะต่อจีดีพีช่วง 5 ปีของประเทศไทย กระฉูด 3.7 ล้านล้าน จาก 10.97 ล้านล้าน เป็น 14.6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2571

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้มีการทบทวนแผนการคลังในระยะปานกลาง ครอบคลุมตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 – 2570 เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ประเมินว่า ในการปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลางฉบับใหม่นั้น จะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทยปรับเพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 หนี้สาธารณะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตัวเลขหนี้สาธารณะคงค้าง ณ เดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งมีจำนวน 10.97 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 61.69% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นเป็น 62.97% ของจีดีพี มีจำนวน 11.4 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.3 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกันสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของประเทศไทย ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2567-2571 กระทรวงการคลัง ประเมินว่า จะเพิ่มขึ้นถึง 3.7 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากตัวเลข ณ เดือนกรกฎาคม 2566 ที่มีจำนวน 10.9 ล้านล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 14.6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2571

 

รัฐบาลเศรษฐา จัดเต็มอัดนโยบาย 5 ปีหนี้สาธารณะแตะ 14.6 ล้านล้าน

อย่างไรก็ตามหากแยกเป็นรายปีพบตัวเลขหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของประเทศไทยจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ 

  • ปี 2566 หนี้สาธารณะ 11.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 62.97%ของจีดีพี
  • ปี 2567 หนี้สาธารณะ 12.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.00%ของจีดีพี
  • ปี 2568 หนี้สาธารณะ 13.02 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.65%ของจีดีพี
  • ปี 2569 หนี้สาธารณะ 13.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.93% ของจีดีพี
  • ปี 2570 หนี้สาธารณะ 14.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.81% ของจีดีพี
  • ปี 2571 หนี้สาธารณะ 14.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.68% ของจีดีพี

อีกทั้งเมื่อพิจารณาตัวเลขดุลการคลัง ภายใต้แผนการคลังระยะปานกลางฉบับใหม่ ยังพบสัดส่วนการขาดดุลการคลังในสัดส่วนที่สูง แบ่งเป็น

  • ปี 2566 ขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท
  • ปี 2567 ขาดดุล 6.93 แสนล้านบาท
  • ปี 2568 ขาดดุล 6.92 แสนล้านบาท
  • ปี 2569 ขาดดุล 7.21 แสนล้านบาท
  • ปี 2570 ขาดดุล 7.51 แสนล้านบาท
  • ปี 2571 ขาดดุล 7.75 แสนล้านบาท

 

รัฐบาลเศรษฐา จัดเต็มอัดนโยบาย 5 ปีหนี้สาธารณะแตะ 14.6 ล้านล้าน

ส่วนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณในแต่ละปีนั้น ตามแผนยังมีการปรับกรอบวงเงินใหม่ โดยปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณเข้าไปอีก 1.3 แสนล้านบาท ส่งผลให้งบประมาณแต่ละปีปรับเพิ่มขึ้นดังนี้

  • ปี 2566 กรอบวงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท
  • ปี 2567 กรอบวงเงิน 3.480 ล้านล้านบาท
  • ปี 2568 กรอบวงเงิน 3.591 ล้านล้านบาท
  • ปี 2569 กรอบวงเงิน 3.706 ล้านล้านบาท
  • ปี 2570 กรอบวงเงิน 3.825 ล้านล้านบาท
  • ปี 2571 กรอบวงเงิน 3.947 ล้านล้านบาท

 

รัฐบาลเศรษฐา จัดเต็มอัดนโยบาย 5 ปีหนี้สาธารณะแตะ 14.6 ล้านล้าน

 

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาในส่วนของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยนับจากนี้นั้น ยังมีการปรับตัวเลขสมมุติฐานเศรษฐกิจใหม่ โดยประเมินว่า การขยายตัวของ GDP ไทยในช่วงปี 2566-2571 ปรับตัวลงลงจากประมาณการเดิม แบ่งเป็น

  • ปี 2566 GDP จากเดิม 3.5% เป็น 2.8% 
  • ปี 2567 GDP จากเดิม 3.8% เป็น 3.2%
  • ปี 2568 GDP จากเดิม 3.4% เป็น 3.6%
  • ปี 2569 GDP จากเดิม 3.4% เป็น 3.4%
  • ปี 2570 GDP จากเดิม 3.3% เป็น 3.4%
  • ปี 2571 GDP จากเดิม 3.3% เป็น 3.3%

นอกจากนี้หากพิจารณาถึงมูลค่า GDP ของไทย ซึ่งมีการปรับใหม่นั้น ยังพบข้อมูลว่า มีการปรับฐานตัวเลข GDP ของไทยลดลงด้วย แยกเป็นรายปีดังนี้

  • ปี 2566 DGP ปรับลดลงจากเดิม 18.7 ล้านล้านบาท เป็น 18.1 ล้านล้านบาท หรือลดลง 6.12 แสนล้านบาท
  • ปี 2567 DGP ปรับลดลงจากเดิม 19.7 ล้านล้านบาท เป็น 19.0 ล้านล้านบาท หรือลดลง 6.99 แสนล้านบาท
  • ปี 2568 DGP ปรับลดลงจากเดิม 20.7 ล้านล้านบาท เป็น 20.1 ล้านล้านบาท หรือลดลง 6.39 แสนล้านบาท
  • ปี 2569 DGP ปรับลดลงจากเดิม 21.8 ล้านล้านบาท เป็น 21.2 ล้านล้านบาท หรือลดลง 6.32 แสนล้านบาท
  • ปี 2570 DGP ปรับลดลงจากเดิม 23.0 ล้านล้านบาท เป็น 22.3 ล้านล้านบาท หรือลดลง 6.22 แสนล้านบาท
  • ปี 2571 DGP ปรับลดลงจากเดิม 24.1 ล้านล้านบาท เป็น 23.5 ล้านล้านบาท หรือลดลง 6.32 แสนล้านบาท

 

รัฐบาลเศรษฐา จัดเต็มอัดนโยบาย 5 ปีหนี้สาธารณะแตะ 14.6 ล้านล้าน

 

กระทรวงการคลัง รายงานว่า ในการดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลางยังมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวผ่านการจัดทำงบประมาณรายจ่ายแบบขาดดุล เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในขณะเดียวกันจะมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีภูมิคุ้มกันของภาคการคลัง เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนทางการคลังในอนาคต 

โดยยึดหลัก “Sound Strong Sustained” ที่มุ่งเน้นการดำเนินนโยบายการคลังที่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการคลังในทุกด้าน ทั้งในส่วนของการฟื้นฟูการจัดเก็บรายได้ การจัดสรรงบประมาณรายจ่าย และการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถรองรับการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล 

ทั้งนี้ได้คำนึงถึงการรักษาระดับเครื่องชี้ทางการคลังให้อยู่ภายใต้กรอบวินัยการคลัง (Fiscal Discipline) เพื่อมุ่งสู่ภาคการคลังที่ยั่งยืนและมีศักยภาพในการรองรับความเสี่ยงที่ประเทศอาจต้องเผชิญอีกในอนาคต

สำหรับเป้าหมายของแผนการคลังระยะปานกลางฉบับนี้ กระทรวงการคลัง ระบุว่า จะมุ่งเน้นการควบคุมขนาดการขาดดุลงบประมาณต่อ GDP ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการคลังที่เปลี่ยนแปลงไป และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง เพื่อมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยมีประมาณการสถานะการคลังในระยะปานกลางภายใต้สมมติฐานทางเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ ในระยะยาวหากภาวะเศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ ภาครัฐสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการคลังทั้งทางด้านรายได้ รายจ่าย และหนี้สาธารณะได้ เป้าหมายการคลังในระยะยาวจะกำหนดให้รัฐบาลมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลในระยะเวลาที่เหมาะสม