อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์จัด Cosmoprof 2023 จุดกระแส "BEAUTY MADE IN THAILAND"

17 ส.ค. 2566 | 11:10 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2566 | 11:12 น.

อุตสาหกรรมความงามไทยฮอต อินฟอร์มาฯ ลุยจัดบิ๊กอีเว้นต์ความงาม “Cosmoprof CBE ASEAN 2023” จุดกระแส ‘BEAUTY MADE IN THAILAND’ คาด 3 วันเงินสะพัด 1,000 ล้านบาท

อุตสาหกรรมความงามหลังโควิดเริ่มเห็นทิศทางการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญไปพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ไม่ได้เน้นเฉพาะความสวยงามอีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับความงามที่มาพร้อมกับสุขภาพผิวที่ดี “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย” ผู้นำตลาดการจัด “อีเวนต์” ระดับประเทศ เล็งเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ เตรียมนำ อีเว้นต์ความงาม “Cosmoprof CBE ASEAN 2023”เข้ามาจัดในประเทศไทยอีกครั้ง ภายใต้ธงใหม่คือ การจุดกะแส ‘BEAUTY MADE IN THAILAND’ ในเวทีโลก  

“Cosmoprof 2023” จุดกะแส ‘BEAUTY MADE IN THAILAND’ หลังจากการชิมลางอีเวนต์แรกในปี 2565 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมากสะท้อนผ่านตัวเลขผู้ชมงาน มากถึง 8,216 คน พร้อมจับคู่ธุรกิจกว่า 600 คู่ โดยมีจุดประสงค์ของงานคือการผลักดันไทยเป็นฮับด้านสุขภาพ-ความงาม อาเซียน 

นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เผยว่า อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน กำลังมีกระแสการเติบโตไปในทิศทางบวก เห็นได้จากสัญญาณฟื้นตัวหลังช่วงล็อกดาวน์ที่ผู้บริโภคออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติมากขึ้น ประกอบกับเทรนด์ดูแลสุขภาพผิวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในระยะหลัง ทำให้สินค้าความงามทุกกลุ่มต่างเป็นที่ต้องการในตลาดทั้งกลุ่มที่ใช้ในการผลิตไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเช่นเดียวกับฝั่งเครือข่ายธุรกิจและผู้ประกอบการความงามที่ต่างมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง

“Cosmoprof 2023” จุดกะแส ‘BEAUTY MADE IN THAILAND’
“อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ณปัจจุบันเติบโตในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวจากโควิดทำให้ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพและความงามกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก ทำให้สินค้าความงามในทุกๆกลุ่มได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เราจึงเล็งเห็นถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้น จึงนำงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2023”งานแสดงสินค้าและบริการด้านความงามและอาหารเสริมที่ครบครันที่สุด เป็นปีที่ 2 ซึ่งกว่าครึ่งของผู้ประกอบการที่มาจัดแสดงเป็นผู้ประกอบการจากประเทศไทย และ pavilion จากอิตาลี ฝรั่งเศส เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ไต้หวันและประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียน

โดยโปรไฟล์หลักๆของงานแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ  supply chain  เป็นโซน exhibitor ที่นำนวัตกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นรอว์แมททีเรียล ผู้รับจ้างผลิต แพ็คเกจจิ้ง เครื่องจักรหรือดีไวท์ต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งเป็นโซนสินค้าสำเร็จรูปจากแบรนด์ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

 

ทั้งนี้อุตสาหกรรมความงามในประเทศไทย มีจุดแข็งสำคัญในฐานะแหล่งวัตถุดิบของเครื่องสำอางธรรมชาติที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 2.3 แสนล้านบาท รวมถึงเป็นฮับการผลิต OEM ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายในงานจึงมีพื้นที่พิเศษสำหรับผู้ผลิตหรือบริษัทแบรนด์คนไทย สำหรับการสนับสนุนให้ผู้เข้าชมหรือผู้ซื้อจากต่างประเทศ ได้เข้าถึงและสัมผัสกับคุณค่า เอกลักษณ์ รวมไปถึงประสบการณ์ความงามต้นตำรับไทยแท้ ในโซน ‘BEAUTY MADE IN THAILAND’ โดยเฉพาะ

 

“เราต้องการโปรโมทผู้ประกอบการไทยทั้งผู้ผลิตและแบรนด์ออกไปให้ผู้ประกอบการต่างชาติมาพบกับผู้ประกอบการและผู้ผลิตไทยเพื่อต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ  ซึ่งผู้ผลิตในประเทศไทยเองอยู่เบื้องหลังแบรนด์ความงามต่างประเทศนอกหลายๆแบรนด์  และด้วยความแข็งแกร่งของเครือข่ายความงามระดับโลก ทำให้การจัดงานในปีนี้ ได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีพื้นที่จัดแสดงปัจจุบัน 100% ถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในครั้งนี้เราใช้พื้นที่มากกว่า 17,000 ตารางเมตร มีผู้จัดแสดงสินค้ามากกว่า 1,000 รายจาก 20 ประเทศเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 38%  และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานจากทั้งในและต่างประเทศ 12,000 คนจาก 60 ประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 23% ปีที่แล้ว โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ซื้อชั้นนำจากเอเชีย ยุโรปและอาเซียน เรามั่นใจว่างานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามตลอด 3 วันนี้ จะสร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับอุตสาหกรรมความงามได้มากถึง 1,000 ล้านบาท” นายธัชพล”