“สรรเพชญ บุญญามณี” ถกกงสุลใหญ่อินโดนีเซีย หวัง กระตุ้นเศรษฐกิจสงขลา

12 ส.ค. 2566 | 12:46 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2566 | 12:48 น.

“สรรเพชญ บุญญามณี” พบ กงสุลใหญ่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา หารือความร่วมมือ 4 ด้าน การท่องเที่ยว การศึกษา เศรษฐกิจ เกษตรกรรม หวัง กระตุ้นเศรษฐกิจสงขลา

ที่สถานกงสุลอินโดนีเซีย จังหวัดสงขลา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบ นายซุวัรกานา ปริงกานู กงสุลใหญ่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา เพื่อร่วมปรึกษาหารือในประเด็นความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดสงขลา กับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 

นายสรรเพชญ กล่าวว่า วันนี้มีโอกาสได้เข้าหารือกับ นายซุวัรกานา ปริงกานู กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มาประชากร มากถึง 270 ล้านคน และจังหวัดสงขลา เป็นหนึ่งในห้าของสถานที่ยอดนิยมที่ชาวอินโดนีเซียจะมาเยือน โดยกำลังการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียสูงถึง 24,000 บาท/คน/ทริป

ในการพบปะหารือกันในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย ให้มาท่องเที่ยวประเทศไทยโดยเฉพาะจังหวัดสงขลามากยิ่งขึ้น"

นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า ในอดีตเคยมีสายการบินระหว่างเมืองเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย มายังสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ก็ได้ปิดตัวไปเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจในขณะนั้น 

การหารือในครั้งนี้ ได้พูดคุยถึงการกลับมาเปิดเส้นทางการบินพาณิชย์ระหว่าง หาดใหญ่ - เมดาน และหากเป็นไปได้ในอนาคต ก็หวังว่าจะมีการเปิดเส้นทางการบินพาณิชย์ หาดใหญ่ - จาการ์ตา เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเส้นทาง ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยว รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ 

“สรรเพชญ บุญญามณี” ถกกงสุลใหญ่อินโดนีเซีย หวัง กระตุ้นเศรษฐกิจสงขลา
 

นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ยังได้หารือในประเด็นเรื่องการศึกษา ซึ่งในปัจจุบัน อินโดนีเซีย มีนโยบายด้านการศึกษาที่เรียกว่า "Freedom to learn" เป็นนโยบายที่ส่งเสริมให้นักศึกษา ชั้นปีที่ 3 - 4 ได้ไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ 

โดยในประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้ร่วมโครงการในการแลกเปลี่ยนสาขาต่าง ๆ อาทิ สาขา Entrepreneurship Coaching program สาขา Humanitarian Program สาขา Teaching & Learning with Industry สาขา Partners with inbound/outbound, private/public sectors เป็นต้น ซึ่งการศึกษาแลกเปลี่ยนเหล่านี้ จะเป็นการกระตุ้น และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทั้งทางด้านภาษา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว 

 นายสรรเพชญ กล่าวด้วยว่า ได้มีการหารือในประเด็นอื่น ๆ อีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็น ด้านเกษตรกรรม คือ ยางพารา ด้านการประมง และด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมการนำเข้า - ส่งออก สินค้าชนิดต่าง ๆ เนื่องจากอินโดนีเซีย และไทย มีมูลค่าการนำเข้าและส่งออก กว่าปีละ 3 แสนล้านบาท อีกทั้งยังได้หารือประเด็นด้านสิทธิมนุษชนที่จะร่วมมือกันผลักดันในอนาคตอีกด้วย