ปฎิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์Sustainable Fashion หรือ แฟชั่นยั่งยืน กำลังมาแรงในยุคนี้ ที่ไม่เพียงแต่จะให้ความสำคัญกับวัสดุหรือดีไซน์เท่านั้น แต่ยังคำนึงกระบวนการผลิต และให้ความสำคัญกับอายุการใช้งาน เพื่อช่วยลดปริมาณขยะจากสิ่งทอ รวมไปถึงวัสดุในการผลิตที่เน้นเป็นเส้นใยธรรมชาติ ช่วยลดการสร้างมลพิษ ให้แฟชั่นสามารถอยู่คู่กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” กล่าวว่า แม็คยีนส์ให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษ “Mc Sustainability 2023 Collection” ที่ผลิตจากเส้นใยรีไซเคิล ตามแนวคิด Reuse Reduce Recycle ผ่านเทคโนโลยีการแปรรรูปเส้นด้าย
โดยนำเศษผ้ายีนส์ที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตผ้ายีนส์ นำมาคัดแยกและเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ปั่นเป็นเส้นใยพร้อมที่จะผสมเข้ากับผ้าฝ้ายโพลีเอสเตอร์ หรือเส้นใยสังเคราะห์อื่นๆ และยังคงรักษาคุณภาพของเส้นด้ายได้ดีเทียบเท่าเส้นด้ายปกติ
โดยสินค้าในคอลเลกชั่นประกอบไปด้วย เสื้อสเวตเตอร์,เสื้อฮู้ดดี้, เสื้อยืดทรงตรงและทรงครอป ที่ผลิตจากเส้นใยรีไซเคิล ให้สัมผัสนุ่มลื่น สวมใส่สบายและระบายอากาศได้ดี ตกแต่งด้วยเทคนิคการพิมพ์รับเบอร์พริ้นท์ และเพิ่มมิติด้วยเมทัลลิคสกรีน ผสมผสานกับลวดลายตัวอักษรและลายกราฟิกที่สื่อถึงธรรมชาติ กับโทนสีที่มิกซ์แอนด์แมตช์ได้ง่ายพร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
นอกจากการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการสร้างมลพิษ คอลเลกชั่นนี้ยังเป็นการต่อยอดแคมเปญ MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค ภายใต้แนวคิด Body Positivity ความเข้าใจในความแตกต่างของรูปร่าง และพร้อมสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแม็คยีนส์ ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
“การเปิดตัวคอลเลกชั่น “Mc Sustainability 2023 Collection” เป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นของแม็คยีนส์ ในการเป็นส่วนหนึ่งในการลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชั่น Mc Save the World ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากนวัตกรรมการรีไซเคิลขวดพลาสติก และนวัตกรรม DRY DYE การย้อมผ้าไม่ใช้น้ำ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับนวัตกรรมการผลิตที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น”