ห้องเย็นตราดโวยลดค่าไฟฟ้า7สตางค์แค่จิ๊บๆไม่ช่วยอะไร

26 เม.ย. 2566 | 13:40 น.
อัปเดตล่าสุด :26 เม.ย. 2566 | 13:48 น.

ผู้ประกอบการห้องเย็นตราดชี้ ลดค่าไฟ 7 สต.แค่จิ๊บ ๆ ไม่ช่วยอะไร จี้รัฐบาลใหม่ปลดล็อกให้เอกชนขายไฟฟ้าแข่งได้ พร้อมแก้กฎหมายให้ใช้พลังงานทดแทนได้

นายวุฒิพงษ์ รัตนมนต์ อดีตประธานหอการค้าจ.ตราด และประธานสหกรณ์แปรรูปผลไม้เพื่อการส่งออกจ.ตราด เปิดเผยว่า ในแต่ละเดือนทางสหกรณ์แปรรูปเพื่อการส่งออกผลไม้จ.ตราด มีภาระค่าไฟฟ้าในห้องเย็นโดยต้องจ่ายในช่วงหน้าผลไม้สูงถึงเดือนละ 1 ล้านบาท และช่วงที่ไม่ใช่ช่วงหน้าผลไม้ต่ำสุดคือ 6 หมื่นบาท ส่งผลให้ต้นทุนในการประกอบการสูง และไม่สามารถแข่งขันทางธุรกิจกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้

ที่ผ่านมาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูง แม้จะพ้นช่วงหน้าผลไม้ไปแล้ว ค่าไฟฟ้าก็ยังอยู่ในระดับหลายแสนบาทต่อเดือน  เนื่องจากเป็นเงื่อนไขที่ทางการไฟฟ้าภูมิภาค(กฟภ.)กำหนดว่า จะต้องสำรองไฟในแต่ละเดือน ซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งช่วงการไปขอใช้ไฟฟ้าก็มีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน กว่าจะดำเนินการได้ก็ต้องใช้เงินในระดับล้านบาทเป็นอย่างน้อย ยอมรับว่าหากรัฐบาลหรือการไฟฟ้าไม่แก้ไขหรือลดราคาไฟฟ้าให้ อาจจะต้องปิดห้องเย็น เพราะรับภาระไม่ไหว

ห้องเย็นตราดโวยลดค่าไฟฟ้า7สตางค์แค่จิ๊บๆไม่ช่วยอะไร

ห้องเย็นตราดโวยลดค่าไฟฟ้า7สตางค์แค่จิ๊บๆไม่ช่วยอะไร

“ผมคงต้องบอกตรง ๆ ว่า ที่การไฟฟ้าจะลดราคาค่าไฟให้ 7 สต./หน่วยนั้นมันแค่จิ๊บ ๆ ลดอย่างนี้ลดไปทำไม หรือลดเพื่อลดกระแสต่อต้านเท่านั้น เนื่องจากไม่เกิดประโยชน์อะไร การไฟฟ้าควรจะลดค่าเอฟทีลงมา หรือลดราคาไฟฟ้าลงมาให้ได้มากกว่านี้ ทุกวันนี้การไฟฟ้าเป็นรัฐวิสาหกิจที่ผูกขาด ไม่ให้ใครมาลงทุนแข่ง ซึ่งมันไม่ใช่ในยุคนี้แล้ว ตัวอย่างเคยมีแล้วอย่างองค์การโทรศัพท์ หรือการสื่อสารฯ ที่ในอดีตต้องจ่ายค่าโทรศัพท์ข้ามจังหวัดหรือไปต่างประเทศในราคาสูง แต่พอมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขัน ราคาเหลือเพียงนาทีละ 1-2 บาท โดยที่เอกชนยังมีกำไรนับพันนับหมื่นล้านต่อปี การไฟฟ้าก็ควรจะเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันจะได้ราคาถูกลง”

นายวุฒิพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีการใช้ไฟฟ้าทดแทน เช่น พลังงานแสงแดด หรือโซลาร์เซลล์ ที่ภาครัฐควรจะส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนซื้อในราคาที่ถูก หรือภาครัฐลงทุนให้ประชาชนเองและขายให้กับการไฟฟ้า จะทำให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ประกอบกาจะลงทุนติดแผงโซลาร์เซลล์เองบนหลังคา ก็ควรจะสนับสนุน ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดี การไฟฟ้าจะได้ไม่ต้องเป็นผู้ผูกขาดหรือขายอยู่เจ้าเดียว

ห้องเย็นตราดโวยลดค่าไฟฟ้า7สตางค์แค่จิ๊บๆไม่ช่วยอะไร

ห้องเย็นตราดโวยลดค่าไฟฟ้า7สตางค์แค่จิ๊บๆไม่ช่วยอะไร

ทั้งนี้ อยากเห็นการแก้ปัญหาในระยะยาวมากกว่า การลดค่าไฟฟ้าที่ทำระยะสั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา ที่แข่งกันเสนอนโยบายลดราคาค่าไฟฟ้า เมื่อเข้ามาก็ต้องรีบทำก่อน โดยควรส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ด้วยการใช้พลังงานแสงแดด พลังงานลม ซึ่งจะให้ต้องแก้กฏหมายใหม่ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการวิจัยของนักวิชาการในเรื่องพลังงานทางเลือก น่าจะเป็นเรื่องที่ดีและต้องเร่งรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด 

ขณะนายสุทธิลักษณ์ คุ้มครองรักษ์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และอดีตประธานสภาอุตสาหกรรมจ.ตราด เปิดเผยว่า การลดค่าไฟฟ้า 7 สต.ครั้งนี้ ผู้ที่ได้ประโยชน์คือภาคครัวเรือน แต่ก็ได้ไม่มากนักเพราะลดแค่เพียง7 สต.ต่อหน่วย ถือว่าน้อยมาก การแก้ไขปัญหาควรจะมองไปที่การลดค่า Ft มากกว่า ขณะที่กลุ่มภาคอุตสาหกรรมภาครัฐได้ลดลงลงมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ก็ไม่มากนัก 

ห้องเย็นตราดโวยลดค่าไฟฟ้า7สตางค์แค่จิ๊บๆไม่ช่วยอะไร

หากภาครัฐจะแก้ปัญหาจริง ๆ และให้เกิดผลต่อภาคอุตสาหกรรม ต้องแก้โดยการหาต้นทุนเชื้อเพลิงที่ผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีราคาถูก น่าจะตรงจุดมากกว่า ปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เน้นการซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ที่ใช้ก๊าซแอลเอ็นจีเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้ามากกว่าเชื้อเพลิงอื่น ซึ่งมีต้นทุนสูง จึงต้องตั้งราคาไฟฟ้าแพงในการขายให้ครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม

“หากจะแก้ปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าอย่างจริงจัง สามารถดำเนินการได้ในหลายมิติ ทั้งส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม หันมาใช้พลังงานทดแทน ซึ่งปัจจุบันมีภาคอุตสาหกรามหรือภาคบริการ หันมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยผ่านแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มมากขึ้น ส่วนภาคครัวเรือนก็มีแต่ยังไม่มากนัก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้พลังทดแทนอยู่ที่ 10% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะว่าใช้ง่าย ลงทุนไม่สูง และคุ้มทุนในระยะเวลา 1-2 ปีเท่านั้น  แต่แผงโซลาร์เซลล์ประเทศไทยไม่สามารถผลิตได้ และต้องสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ หากรัฐบบาชส่งเสริมโดยลดภาษีนำเข้า ก็จะทำให้มีภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมหันมาใช้มากขึ้น”

นายสุทธิลักษณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่พรรคการเมืองได้หาเสียง และใช้นโยบายในเรื่องการลดค่าไฟฟ้า การปรับโครงสร้างการคิดค่าไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่มองว่ายังไม่สามารถปฏิบัติได้ทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล เพราะเรื่องการลดราคาไฟฟ้า หรือปรับโครงสร้างราคาใหม่ จะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯพิจารณา รวมทั้งการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯได้ทำสัญญากับเอกชนที่ขายไฟฟ้าไว้ให้ล่วงหน้า หากจะดำเนินการต้องแก้ไขสัญญาใหม่ ซึ่งทำได้ยาก