วันที่ 25 มีนาคม 2566 ที่โรงแรมยู นิมมาน เชียงใหม่ มีการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ โดยวาระสำคัญคือเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารหอการค้า สมัยที่ 24 ประจำปี 2566-2567 โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะกรรมการ สมาชิก และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมงานกว่า 200 คน
เมื่อถึงวาระการเลือกตั้งกรรมการบริหารหอการค้าชุดใหม่ นายสมชาย ทองคำคูณ รองประธานหอการค้าเชียงใหม่ เป็นประธานจัดการเลือกตั้ง หลังชี้แจงรายละเอียดแล้วจึงเชิญสมาชิกลงคะแนน เพื่อเลือกคณะกรรมการ 31 คน จากนั้นคณะกรรมการชุดใหม่ลงคะแนนเลือกประธานหอการค้าคนใหม่ตามลำดับ โดยคณะกรรมการลงคะแนนด้วยมติเอกฉันท์ ให้นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ เป็นประธานหอการค้าเชียงใหม่ สมัยที่ 24 เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
โดยมีตัวแทนชมรมธนาคารจังหวัดเชียงใหม่และภาคเอกชน เข้ามอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดี โดยมีนายนิตย์ วังวิวัฒน์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 6 บิดานายจุลนิตย์ ได้ร่วมมอบช่อดอกไม้ เพื่อแสดงความยินดีแก่บุตรชาย ที่ได้รับเลือกเป็นประธานหอการค้า สมัยที่ 2 ด้วย
นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 24 กล่าวขอบคุณสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ที่มาร่วมประชุมและมาลงคะแนนเลือกตั้งคณะกรรมการสมัยที่ 24 และขอบคุณคณะกรรมการหอการค้า สมัยที่ 24 ที่ไว้วางใจเลือกให้เป็นประธานต่ออีกหนึ่งสมัย เพื่อได้ทำงานต่อเนื่องจากสมัยที่ 23
พันธกิจในสมัยที่ 24 ที่จะต้องขับเคลื่อน จะมีเรื่องหลัก ๆ คือ การสร้างความเข้มแข็งให้หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เช่น การขับเคลื่อนโครงการหอการค้า Academy ที่จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน โดยจะพัฒนาหลักสูตรเพื่อเป็นการ skill Up บุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ หรือโครงการ Sandbox Education เช่น หลักสูตรปริญญาโท ที่เรียนควบคู่ทำงานไปด้วย โดยที่ไม่ต้องเข้าไปเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยตลอดเวลา และมีการเก็บหน่วยกิจผ่านหอการค้า Academy
อีกโครงการคือ บัตรบางจากฟลีทการ์ด ที่ทำร่วมกับหอการค้า ที่จะเป็นประโยชน์กับสมาชิก ซึ่งสมาชิกหอการค้าปกติต้องเติมน้ำมันกันอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเมื่อเติมน้ำมันก็ได้เครดิตเรื่องของการชำระเงินตอนสิ้นเดือนจากแบงก์เท่านั้นที่เป็นผู้ให้เครดิต แต่ในโครงการร่วมกับหอการค้าเชียงใหม่นี้ เป็นบัตรเครดิตเติมน้ำมันที่มีการคืนเงินแก่ผู้ใช้บริการตามยอดเติมจริง ๆ ของสมาชิก พร้อมส่วนลดต่าง ๆ ถือเป็นสวัสดิการแก่สมาชิกโดยใช้ได้ทั่วประเทศ
ส่วนกับร่วมขับเคลื่อนการพัฒนานั้น โครงการที่เป็นเมกะโปรเจกต์ คือ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ(Northern Economic Corridor-NEC)ที่รัฐบาลประกาศ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และจังหวัดลำปาง หอการค้าทั้ง 4 จังหวัดได้มีการพูดคุยกันเพื่อผลักดันขับเคลื่อนโครงการ NEC เบื้องต้นจะมีการตั้งบอร์ด NEC ในแต่ละพื้นที่ก่อน เพื่อเข้าไปร่วมกำหนดนโยบายในแผนระยะยาวหรือระยะสั้นของทางภาครัฐ เพื่อให้การขับเคลื่อน NEC ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นายจุลนิตย์ กล่าวอีกว่า ทิศทางเศรษฐกิจเชียงใหม่และภาคเหนือ เรื่องของการท่องเที่ยวเริ่มมีการขับเคลื่อนได้มากขึ้น มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้น แต่ก็อาจจะยังไม่เห็นดอกผลอย่างชัดเจน มีคำถามกันว่าทำไมเศรษฐกิจยังขับเคลื่อนไม่เต็มที่นั้น คงต้องใช้เวลาน่าจะเห็นชัด ประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้
เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เราประสบปัญหาเรื่องของโควิด ผู้ประกอบการเองมีการนำทุนสำรองหรือเงินเก็บ ไปประคองตัวเองให้ผ่านพ้นวิกฤตช่วงนั้นไปก่อน ทำให้ช่วงนี้ถึงแม้ธุรกิจจะเริ่มมีรายได้มากขึ้น ก็ยังต้องกันเงินบางส่วนไปเป็นทุนสำรอง เพราะฉะนั้นการที่จะกลับมาจับจ่ายใช้สอยให้ปกติ น่าจะเห็นได้ชัดมากขึ้นในไตรมาส 4
ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ที่จะมีขึ้นวันที่ 14 พ.ค. 2566 นี้ คงต้องดูนโยบายจากการหาเสียงของแต่ละพรรค ว่าที่มีการหาเสียงไว้นั้นพอมีการเลือกตั้งเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว จะสามารถขับเคลื่อนได้จริงขนาดไหน ซึ่งเราภาคเอกชน หรือประชาชนทั่วไป คงต้องติดตามและผลักดันนโยบาย ที่ได้ออกมาหาเสียงเอาไว้ในพื้นที่ โดยภาคเอกชนจากนี้ไปคงต้องเข้าไปมีส่วนร่วม ในการกำหนดทิศทางการทำงานของหน่วยงานภาครัฐให้มากขึ้น