"อาร์เอส กรุ๊ป" เล็งปิดดีล Strategic Partners ใหม่ต่อเกม 3 ธุรกิจหลัก

02 มี.ค. 2566 | 07:45 น.

"คอนเสิร์ต" ฟื้นดันกำไร "อาร์เอส กรุ๊ป" โต พร้อมเร่งเครื่องปี 66 เพิ่มการเติบโตขาคอมเมิร์ซ-เอ็นเตอร์เทนเมนต์พร้อมปิดดีล Strategic Partners ใหม่ขยายระบบนิเวศของธุรกิจEntertainmerce ดันรายได้ทั้งปีเข้าเป้า 5,500 ล้านบาท

เปิดผลประกอบการ อาร์เอส กรุ๊ป 2565 รายได้รวม 3,533 ล้านบาท กำไรสุทธิ 137 ล้านบาทเติบโต 8% จากการฟื้นตัวของคอนเสิร์ต สปอนเซอร์อีเวนต์ และการเติบโตของรายได้ลิขสิทธิ์คอนเทนต์ (Content licensing)เชื่อปี 2566เติบโตทุกมิติทั้งธุรกิจคอมเมิร์ซ ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ผ่านการควบรวมกิจการ (Merger & Acquisition: M&A) และความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยาย Ecosystem ภายใต้โมเดล Entertainmerce ดันรายได้ทั้งปีเข้าเป้า  5,500 ล้านบาท

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2565 เป็นปีที่ อาร์เอส กรุ๊ป มุ่งเน้นการขยาย Ecosystem ของธุรกิจคอมเมิร์ซ ทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเสริมศักยภาพสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ทั้งการเข้าซื้อธุรกิจขายตรงยูไลฟ์ (ULife) จาก บริษัท ยูนิลีเวอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นทางลัดสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน (People Marketing) และศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับสากล

 

 

 

พร้อมกับตั้ง บริษัท อาร์เอส เพ็ท ออล์ จำกัด เพื่อสร้าง Petconomy ผลิต จัดจำหน่ายสินค้า และบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพกว่า 71 SKUs ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ เวลยู, คามูซี, ไวตาเนเจอร์พลัส และไลฟ์เมต

"อาร์เอส กรุ๊ป" เล็งปิดดิล Strategic Partners ใหม่ต่อเกม 3 ธุรกิจหลัก
ส่วนปี 2566นี้คาดว่าจะเป็นปีแห่งการขยายธุรกิจในทุกมิติทั้งธุรกิจคอมเมิร์ซและธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รวมถึงการลงทุนกับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยาย Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเริ่มที่การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมของบริษัทในเครือเพื่อ Spin-off เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญ คือทำให้ อาร์เอส กรุ๊ป เป็น “Life Enriching” ที่จะยกระดับทุกมิติของการใช้ชีวิตของลูกค้าและสัตว์เลี้ยงผ่านทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ”

 

 

ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ยังเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญของ อาร์เอส กรุ๊ป ในปีที่ผ่านมา ซึ่งรายได้เอ็นเตอร์เทนเมนต์เติบโต 39% จากปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากทั้งกิจกรรม คอนเสิร์ต และการเติบโตของรายได้การขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์

นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในขณะที่สภาวะเศรษฐกิจยังเป็นความท้าทายกดดันต่อรายได้ของธุรกิจคอมเมิร์ซให้ลดลง 24% ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 3,533 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิเท่ากับ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเติบโตของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์และประสิทธิภาพการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น

 

“อาร์เอส กรุ๊ป วางรากฐานไว้ทั้งการสร้างแบรนด์  และการปูพรมช่องทางจำหน่ายให้แข็งแรงในปีที่ผ่านมา ประกอบกับตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว จึงเป็นโอกาสของ อาร์เอส ทั้งในส่วนธุรกิจคอมเมิร์ซที่ประกอบด้วย RS Livewell และ RS Connect ที่จะสร้างยอดขายให้เติบโตด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 45 SKUs รวมถึงขยายตลาดด้วยช่องทางและพันธมิตรใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดที่กว้างขึ้น

 

ด้านธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เราจะกลับมาลงทุนในธุรกิจเพลงอีกครั้งร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ซึ่งจะช่วยทั้งเพิ่มรายได้จากทรัพย์สินเพลงเดิมและสร้างฐานทรัพย์สินเพลงใหม่ นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าสร้างรายได้จากอีเวนท์ และคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบตลอดปีซึ่งจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 550 ล้านบาท โดยล่าสุด COOLive (คูลไลฟ์) ภายใต้กลุ่มธุรกิจ RS Multimedia ในเครือ  อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศแผน Showbiz ปี 2566 ภายใต้คอนเซปต์ #inCOOLsiveExperience สร้างประสบการณ์ร่วมที่คูลกว่าสำหรับทุกเจเนอเรชัน กับ 4 คอนเสิร์ตใหญ่ที่รวมทุกความออริจินัลของ อาร์เอส ที่ทุกคนคิดถึง ได้แก่ RS Hits Journey 2023, D2B 22nd Anniversary Concert 2023, Kamikaze Party Reunion และ RS Meeting Danceventure Concert 2023 และจะจัด Music Festival 4 ฤดู ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ชะอำ, สวนผึ้ง กรุงเทพฯ และเขาใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมคอนเสิร์ตใหญ่และ Music Festival กว่า 1 แสนคน

 

และอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของอาร์เอส กรุ๊ป คือการลงทุนผ่าน M&A อย่างต่อเนื่องเพื่อต่อยอด Ecosystem ของโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเฟ้นหาพันธมิตรที่เราจะร่วมลงทุนและเติบโตไปพร้อมกันในรูปแบบ Strategic Investment คาดว่าปีนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 300-600 ล้านบาทต่อดีล

 

"ที่ผ่านมาเราผลักดัน บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE ให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้เข้าทำการซื้อ-ขายเป็นวันแรกเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีรายรับจากการขายหุ้นบางส่วนของ CHASE ก่อนเข้าตลาดเป็นเงินสด 420 ล้านบาท และรับรู้กำไรพิเศษจากธุรกรรมนี้ทันทีในไตรมาส 1 ปี 2566 กว่า 100 ล้านบาท เราตั้งใจคงหุ้น CHASE จำนวน 20.35% ไว้ในระยะยาว”