"อัครา" ทุ่มเงิน 600 ล้าน เตรียมเปิดเหมืองนำร่องโรงประกอบโลหกรรมที่ 2

20 ก.พ. 2566 | 13:06 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.พ. 2566 | 13:36 น.

"อัครา" ทุ่มเงิน 600 ล.เตรียมเปิดเหมืองนำร่องโรงประกอบโลหกรรมที่ 2 เผยล่าสุดยื่นหนังสือแจ้งหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้กำกับดูแลทราบเพื่อเข้ามาตรวจสอบ

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวการเตรียมกลับมาเปิดดำเนินการของเหมืองแร่ทองคำชาตรี (เหมืองอัครา) บริษัทฯ ได้ยกเครื่องซ่อมแซมเครื่องจักรและโรงประกอบโลหกรรมที่ 2 เป็นที่เรียบร้อย โดยใช้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท 

และพร้อมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง โดยได้ยื่นหนังสือแจ้งหน่วยงานรัฐที่เป็นผู้กำกับดูแลทราบเพื่อเข้ามาตรวจสอบว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดครบถ้วน เมื่อบริษัทฯ ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงจะสามารถเริ่มดําเนินการทําเหมืองได้

นายเชิดศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ปฏิบัติทุกอย่างตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ศาลปกครองสูงสุด (พิษณุโลก) ก็ได้มีคำพิพากษา ให้ยกฟ้องคดีที่ผู้ประท้วงได้ฟ้องร้องต่อศาลโดยกล่าวหาว่าการออกประทานบัตร 5 แปลงในเขตจังหวัดพิจิตรนั้น ไม่ชอบด้วยกฏหมายด้วยประการต่าง ๆ 

โดยศาลได้ชี้ว่า บริษัทฯ ได้รับความเห็นชอบหรือได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนและโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น ซึ่งรวมถึงประเด็นการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA และ EHIA) ตามที่กฎหมายกำหนด 
 

"ขอยืนยันว่า การดำเนินงานของบริษัทฯ มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม" 

อัคราทุ่มเงิน 600 ล้านเตรียมเปิดเหมือง นายเชิดศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจุบันมีประชาชนเดินทางกลับมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งจะกลับมาเป็นพนักงานของเหมือง ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้ประกาศเรื่องการรับสมัครพนักงานจำนวนกว่า 160 อัตรา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้สนใจส่งใบสมัครมากว่า 1,700 คน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่จะรับไว้มาก 

โดยแผนการดำเนินงานระยะแรกนั้นจะใช้โรงประกอบโลหกรรมที่ 2 เพียงโรงเดียว ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.7 ล้านตันต่อปี และภายหลังที่บริษัทฯ กลับมาดำเนินการไปแล้วสักระยะหนึ่ง จึงจะเริ่มซ่อมโรงประกอบโลหกรรมที่ 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.3 ล้านตันต่อปี จากนั้นจึงจะรับพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับปริมาณงานที่มากขึ้นต่อไป 

สำหรับการคัดเลือกพนักงานนั้น บริษัทฯ พิจารณาผู้ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่เป็นอันดับแรก ในขณะที่ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งก็เตรียมหาช่องทางทำธุรกิจที่จะมารองรับเศรษฐกิจที่จะดีขึ้นหลังจากที่เหมืองกลับมาเปิดอีกครั้ง 

อย่างไรก็ดี แม้บริษัทฯ ยังไม่ได้เปิดดำเนินการ แต่การจับจ่ายใช้สอยของพนักงานและผู้รับเหมาของบริษัทฯ ที่มาซ่อมแซมโรงงานและเครื่องจักรในช่วงที่ผ่านมาส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนอย่างชัดเจน 
 

กรณีที่มีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาต่อต้านนั้น บริษัทฯ เชื่อว่าสาเหตุหลักเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มีผู้ร้องเรียนหรืออ้างว่าได้รับผลกระทบด้านต่าง ๆ บริษัทฯ จะจัดให้มีการตรวจสอบทันที และให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบ และในปัจจุบันที่บริษัทฯ เตรียมกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งนั้น บริษัทฯ มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนรวมทั้งผู้ประท้วง โดยรับฟังข้อห่วงกังวลที่มี ตอบคำถามและชี้แจงให้เห็นถึงมาตรการด้านความปลอดภัยในการดำเนินงาน 

ขณะที่ความคืบหน้าของกระบวนการอนุญาโตตุลาการนั้น การเจรจาไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แต่เป็นการเจรจาตามสิทธิที่บริษัทฯ และประเทศไทยควรได้ตามกฎหมาย โดยยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง บริษัทฯ มั่นใจว่าเหมืองแร่ทองคำชาตรีจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและก่อให้เกิดผลทวีคูณต่อระบบเศรษฐกิจออกไปอีกหลายชั้นทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

ซึ่งจากข้อมูลสถิติในอดีตพบว่า บริษัทฯ ได้สร้างเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วกว่า 39,000 ล้านบาท ผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศ การชำระค่าภาคหลวงและภาษี และการจ้างงาน โดยธุรกิจของบริษัทฯ ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี