Game Changing “สยามพารากอน” ผงาด ทรานส์ฟอร์มสู่แลนด์มาร์คโลก

17 ก.พ. 2566 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2566 | 08:43 น.
514

“สยามพารากอน” เดินหน้าโปรเจ็ค “The Next Level Evolution” ทุ่ม 3,000 ล้าน เนรมิต Global Prototype แพลตฟอร์มเชื่อม 3 โลก “Physical-Digital-Metaverse” แบบไร้รอยต่อ

ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา “สยามพารากอน” เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญระดับโลก (Global Landmark Destination) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโครงการระดับ World-class Global Destination ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้โครงการสำคัญๆในประเทศต่างๆ เมือง อีกทั้งยังเป็น showcase ที่นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของคนกรุงเทพฯ “สยามพารากอน” จึงเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอสำคัญของกรุงเทพฯ การเดินหน้าทรานสฟอร์มให้เป็นแลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางมหานคร จึงเป็นเป้าหมายสำคัญ

นางสาวแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการขายและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า สยามพารากอนเป็นเวทีที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้งกลุ่มลักชัวรีแบรนด์และผู้ประกอบการไทย สามารถนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด โดยสินค้าลักชัวรีแบรนด์ทุกประเภทได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถสร้างยอดขายและมีอัตราเติบโตที่โดดเด่นสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ส่งผลให้สยามพารากอนเป็น Destination ของลักชัวรีแบรนด์อย่างแท้จริง เห็นได้จากการที่แบรนด์ดังทยอยเปิดพื้นที่เป็น “Pop-up Store” เพื่อขาย ลิมิเต็ดคอลเลคชั่นพิเศษเป็นครั้งแรกในเอเชียอยู่เสมอ

Game Changing “สยามพารากอน” ผงาด ทรานส์ฟอร์มสู่แลนด์มาร์คโลก

สร้างความตื่นตาตื่นใจตอบโจทย์ประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า และตอกย้ำความเป็นผู้นำที่ครองฐานกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้สยามพารากอนยังได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 6 ของสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวเช็คอินสูงสุดในโลกและเป็นสถานที่เดียวในไทยและเอเชียที่ติดอันดับ 1 ใน 10 จากการจัดอันดับของ Facebook Review ในปี 2558 (Global Legendary Landmark)”

“สยามพารากอนประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2565 สามารถสร้างรายได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ เติบโตมากกว่า 50% จากปี 2564 และสูงกว่าปี 2562 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้มีจำนวนมากเทียบเท่าก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มลักชัวรีแบรนด์ที่สามารถสร้างยอดขายและมีอัตราเติบโตที่สูงตลอดระยะเวลา 3 ปี สะท้อนจากบรรดาแบรนด์หรูมุ่งหน้าตลาดเมืองไทยเป็นเวทีสำคัญในการเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ หรือคอลเลคชั่นใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียมาอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้มีความต้องการขยายพื้นที่และขยายสาขามากขึ้น สอดรับกับแผนการลงทุนปรับโฉมใหม่ของสยามพารากอน เพื่อต้อนรับลักซ์ซูรี่แบรนด์และแบรนด์ใหม่ๆ อีกนับร้อยแบรนด์ที่อยู่ในรายชื่อ Waiting List โดยหลายแบรนด์จะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยและมีแบรนด์ที่ Exclusive เฉพาะที่สยามพารากอนเท่านั้น เหล่านี้ล้วนตอกย้ำความเป็นเพชรน้ำงามของ Luxury Destination ระดับโลกอย่างแท้จริง”

มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ - แคโรไลน์ เมอร์ฟีย์

ล่าสุดสยามพิวรรธน์สร้างสรรค์แพลตฟอร์มต้นแบบใหม่ครั้งแรกของโลก (Global Prototype) ที่จะเป็นเวทีให้ผู้ที่เป็นสุดยอดฝีมือในทุกๆ ด้านมาร่วมกัน Co-create เพื่อสร้างผลงานและประสบการณ์ระดับโลกภายใต้โครงการใหม่ “The Next Level Evolution” ที่จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของวงการค้าปลีกอีกครั้ง กับการทรานสฟอร์ม “สยามพารากอน” ทั้งหมดบนพื้นที่ 5 แสนตารางเมตร

พร้อมทุ่มงบประมาณเพิ่มเติมอีก 3,000 ล้านบาท ปรับปรุงพื้นที่ส่วนศูนย์การค้าทั้งหมด ตั้งแต่ปลายปี 2565 โดยใช้เวลาภายใน 18 เดือนและมีกำหนดเสร็จสมบูรณ์ในช่วงกลางปี 2567 ขณะที่การปรับโฉม “พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์” ได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2564 จะเสร็จสมบูรณ์ในปีนี้ นับเป็นการพลิกเกมเปลี่ยนโลกหรือ Game Changing อย่างแท้จริงที่จะส่งผลให้ประเทศไทยผงาดบนเวทีโลกและครองความเป็นที่หนึ่งในใจของคนทั้งโลกอย่างต่อเนื่อง

ด้านนางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า โยบายในการทำธุรกิจของสยามพิวรรธน์ คือ Collaborate to Win เราเชื่อมั่นในศักยภาพไร้ขีดจำกัดของอีโค่ซิสเต็มที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ที่จะมาร่วมผนึกกำลังเราสร้างธุรกิจให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ ฉีกกฎและตำราเดิมๆ ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

Game Changing “สยามพารากอน” ผงาด ทรานส์ฟอร์มสู่แลนด์มาร์คโลก

สยามพารากอนจะไม่ได้เป็นเพียงศูนย์การค้าอีกต่อไป แต่จะเป็นแพลตฟอร์มเวทีระดับโลก ที่ให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศิลปะ เทคโนโลยี รวมทั้งผนึกกำลังกับผู้ประกอบการลักชัวรีแบรนด์ทั่วโลก และผู้ประกอบการคนไทยร่วมกัน Co-creation เชื่อมต่อแพลตฟอร์มทั้งบนพื้นที่ โลกกายภาพ (Physical World) โลกดิจิทัล (Digital World) ผ่าน OneSiam SuperApp และโลกเสมือนจริง (Metaverse) เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เพื่อเติมเต็มยกระดับชีวิตของผู้คนและผู้ที่มาเยือนให้ได้รับประสบการณ์ระดับโลกที่เหนือความคาดหมายในทุกมิติอย่างสมบูรณ์แบบ

“สยามพารากอนตอกย้ำแนวคิด Co-creation บนแพลตฟอร์มนี้ เพื่อนำมาซึ่งการพัฒนาและการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน เพราะทุกคนจะร่วมสร้างนิยามใหม่อีกระดับของที่สุดแห่งความล้ำเลิศร่วมกับผู้ประกอบการหลายราย ซึ่งได้เคยสร้าง Flagship Store ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้ว ใน Next Level ก็จะรังสรรค์ Iconic Store ที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งเดียวในประเทศไทย”

นางมยุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การทรานสฟอร์มสยามพารากอนในครั้งนี้ เราจะสร้างปรากฏการณ์แรกของการเปิดให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสยามพารากอน ดังนั้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ สยามพารากอนจะเปิดพื้นที่สาธารณะ เพื่อรับฟังไอเดียของลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติทั่วโลก ผ่านโครงการ Wall of Wonders ในรูปแบบ Interactive Wall ที่ลูกค้าสามารถแนะนำว่า ปรารถนาจะได้เห็นความแปลกใหม่ในรูปแบบใดในสยามพารากอน

โดยจะนำความคิดเห็นจากผู้คนทั่วโลกมารังสรรค์พื้นที่ต่างๆ ให้มีความหลากหลายตรงกับความสนใจของผู้คนในแต่ละคอมมูนิตี้ผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในมิติต่างๆ ผ่านโครงการ Wall of Wonders ที่พร้อมจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้”