“อนุทิน” ถก 3 กระทรวงคลอดแผนรับมือคลื่นคนจีนแห่เที่ยวไทย

05 ม.ค. 2566 | 03:07 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ม.ค. 2566 | 13:55 น.

จับตา “อนุทิน” ประชุมร่วม 3 กระทรวง ถกความพร้อมก่อนคลอดแผนรับมือคลื่นคนจีนแห่เที่ยวไทย ในปี 2566 ลุ้นแนวทางการเตรียมตัวรองรับ และคุมเข้มจะออกมารูปแบบใด

ปัจจุบันสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจหลายสำนักต่างออกมาพยากรณ์ว่า ในปี 2566 การท่องเที่ยวจะกลายมาเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแทนที่การส่งออก ซึ่งกำลังประสบปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัว

 

ยิ่งในกรณีที่ประเทศจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด และเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม เป็นต้นไปนั้น ยิ่งเป็นข่าวดีสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งต่างตั้งตารอว่า ในอนาคตอันใกล้จะมีนักท่องเที่ยวจีนทยอยเดินทางเข้ามา จนทำให้เป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีสามารถบรรลุเป้าหมายเอาไว้ได้

 

สำหรับรัฐบาลไทยเองนั้น ล่าสุดก็เตรียมหาทางรับมือนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศ โดยในวันนี้ (4 มกราคม) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากประเทศจีน เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ภาพประกอบข่าวการท่องเที่ยว

การประชุมวงนี้นับว่ามีความสำคัญ เพราะจะมีการหาแนวทางในการเตรียมความพร้อมรับมือคลื่นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศจีนที่ยังน่ากังวล ซึ่งรัฐบาลจะมีการหารือร่วมกันระหว่าง 3 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ว่า ทั้ง 3 หน่วยงาน จะร่วมกันคลอดแผนการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี 2566 พร้อมกำหนดรายละเอียดของแผน ทั้งการเตรียมตัวการก่อนเดินทาง เมื่อเดินทางเข้ามาถึงแล้วต้องทำยังไงรวมไปถึงมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวเมื่อเข้ามาอยู่ในประเทศ

 

รวมทั้งหารือถึงการจัดเตรียมวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อขอให้เร่งนำวัคซีนส่วนที่เหลือมาเร่งฉีดเข็มกระตุ้นแก่คนไทย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

พร้อมกันนี้ยังพิจารณานำมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 เพื่อเตรียมรับผู้เดินทางจากประเทศจีนเข้าไทย ตามมติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น 7 มาตรการ ดังนี้

  1. การตรวจเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 และให้ผู้เดินทางซื้อประกันสุขภาพเดินทางระยะสั้นที่ครอบคลุมการรักษาโควิด ก่อนเดินทางเข้าไทย ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดของจีนในการรับผู้เดินทางเข้าประเทศ ที่กำหนดให้มีการตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง 48 ชั่วโมง
  2. สื่อสารประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการของไทย และคำแนะนำต่างๆ ให้กับผู้เดินทางก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย 
  3. สร้างความเชื่อมั่นในระบบการป้องกันควบคุมโควิด-19 ของประเทศไทย โดยเฉพาะระบบเฝ้าระวังในผู้เดินทางเข้าประเทศที่ช่องทางเข้าออกประเทศ โดยการสุ่มตัวอย่างตรวจสายพันธุ์ และประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อนำไปพิจารณากำหนดมาตรการที่เหมาะสม
  4. การเตรียมความพร้อมระบบบริการสาธารณสุขให้รองรับผู้ป่วยชาวต่างชาติได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว
  5. การสื่อสารเน้นย้ำมาตรการป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทย เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล และจัดบริการสายด่วนสำหรับนักท่องเที่ยว
  6. แนะนำผู้ประกอบการและร้านค้า ดำเนินการตามแนวทางการรับมือตามมาตรฐาน SHA และ SHA Plus
  7. ให้ผู้ประกอบกิจการ หรือผู้ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนโควิด ครบ 4 เข็ม รวมถึงประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อลดอาการป่วยหนัก และลดการเสียชีวิต

 

ภาพประกอบข่าวการท่องเที่ยว

 

อย่างไรก็ตามจากการประเมินเบื้องต้นของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แจ้งว่า หากเป็นไปตามแผน คาดว่า ในปี 2566 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางเข้ามาในไทยอย่างน้อย 5 ล้านคน และทั้งปีน่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางประมาณ 20-25 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท หรือกลับมาฟื้นตัใกล้เคียงช่วงปกติแล้ว 80%