น้ำมัน WTI ปิดลบ 1.5% วิตกดอกเบี้ยขาขึ้น-ดอลล์แข็งฉุดตลาด

16 ธ.ค. 2565 | 07:01 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ธ.ค. 2565 | 14:04 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) ตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 76.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
          
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 81.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
         

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.76% แตะที่ระดับ 104.5570 เมื่อคืนนี้ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
         

ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อ


ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ร่วงลง 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.7% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 3.6%