ผู้เลี้ยงหมูฝากการบ้าน อธิบดีกรมปศุสัตว์คนใหม่ เร่งล้างบาง “หมูเถื่อน”

11 พ.ย. 2565 | 18:08 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2565 | 01:18 น.

ผู้เลี้ยงหมู ตบเท้าพบอธิบดีกรมปศุสัตว์คนใหม่ ฝากการบ้าน เร่งปราบหมูเถื่อนให้หมดจากประเทศโดยเร็ว เผยคนเลี้ยงเริ่มถอดใจ อาจกระทบแผนเพิ่มผลผลิตหมูของประเทศพลาดเป้า หลังอีกด้านต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น 300-500 บาทต่อตัว

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยหลังนำคณะเข้าพบและแสดงความยินดีกับ นายสมชวน รัตนมังคลานนท์  อธิบดีกรมปศุสัตว์คนใหม่ ว่า สมาคมฯได้ขอให้กรมปศุสัตว์เร่งปราบปรามการนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อนที่ได้ดำเนินการในเวลานี้ให้เข้มข้นขึ้น และกวาดล้างให้สิ้นซาก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เลี้ยง โดยเฉพาะผู้เลี้ยงรายย่อยและรายเล็ก 

 

เนื่องจากเวลานี้สุกรเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย มีราคาเฉลี่ย 135-145 บาทต่อกิโลกรัม  เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาสุกรในประเทศมาก เป็นการทำลายกลไกราคาสุกรไทย ตัวอย่างเช่น พื้นที่ภาคเหนือ ที่ปัจจุบันกำลังการผลิตของฟาร์มหมูในภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นฟาร์มรายย่อยประมาณ 75 % จากก่อนหน้านี้มีประมาณ 80 % ซึ่งนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด การเลี้ยงสุกรทั้งระบบต้องยกระดับการป้องกันโรค ด้วยระบบไบโอเซฟตี้ในฟาร์ม  ส่งผลให้ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นถึง 300-500 บาทต่อตัวหมูขุน

ผู้เลี้ยงหมูฝากการบ้าน อธิบดีกรมปศุสัตว์คนใหม่ เร่งล้างบาง “หมูเถื่อน”

 

สำหรับปัญหาหมูเถื่อนขณะนี้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการอุปทานผลผลิตหมูในประเทศ ทำให้ผู้เลี้ยงขาดความเชื่อมั่นในการกลับเข้ามาเลี้ยงใหม่ จากยังไม่สามารถจัดการกับการระบาดของโรคได้  ทำให้แนวโน้มราคาจะปรับเพิ่มขึ้นตามกลไกตลาด เวลานี้ทางสมาคมฯได้ขอความร่วมมือในการรักษาระดับราคาไว้ที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม มานานถึง 24 สัปดาห์แล้ว ส่วนกำลังการผลิตในประเทศจะกลับคืนสู่ภาวะปกติหรือไม่ ต้องติดตามในช่วงกลางปี 2566  แต่เบื้องต้นสมาคมฯ มองว่า อาจจะยังไม่สามารถกลับมามีกำลังการผลิตเท่าเดิมได้

 

ส่วนประเด็นที่เกษตรกรได้นำหารือกับอธิบดีกรมปศุสัตว์ในคร้งนี้  อาทิ แนวทางการจัดตั้งกองทุนพัฒนาอุตสาหกรรมสุกรไทย เพื่อแก้ปัญหาอุปสรรค และผลกระทบด้านราคาในบางช่วง รวมถึงแนวทางการกำจัดโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) ที่ยังเป็นอุปสรรคทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศและการจัดการด้านสุขภาพ

ผู้เลี้ยงหมูฝากการบ้าน อธิบดีกรมปศุสัตว์คนใหม่ เร่งล้างบาง “หมูเถื่อน”

 

“ปัจจุบัน ผู้เลี้ยงต้องเผชิญกับต้นทุนการเลี้ยงที่สูงถึง 98-100 บาทต่อกิโลกรัม โดยต้นทุนในทุกหมวดยังอยู่ในระดับสูง ทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ พลังงาน  และการป้องกันโรคที่เข้มงวด สิ่งที่ผู้เลี้ยงวิตกกังวลมากที่สุดในขณะนี้คือ เนื้อหมูเถื่อนที่ทะลักเข้ามา จะนำเอาโรคต่างถิ่นมาด้วย โดยเฉพาะโรคอย่าง ASF(อหิวาต์แอฟริกา) สารเร่งเนื้อแดงที่อาจปนเปื้อนมาทำอันตรายต่อคนไทย  รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อราคา ดังนั้นต้องการให้ภาครัฐกวดขันจับกุมอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้สุกรเถื่อนเหล่านี้หมดไปโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้หมูเถื่อนเหล่านี้ยังสามารถกระจายขายได้ทั่วไป จะเป็นการทำร้ายผู้เลี้ยง ซึ่งจะทำให้รายย่อย รายเล็ก หายไปจากระบบ” นายสุรชัย กล่าว