เปิดเบื้องหลัง All Time High 3 ไตรมาสติด "SAPPE"

11 พ.ย. 2565 | 10:30 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2565 | 17:50 น.

SAPPE ทำ All Time High 3 ไตรมาสติด รับทรัพย์กว่า3,832.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 498.8 ล้านบาทจากแรงหนุนตลาดต่างประเทศมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 30-35% เตรียมขยายตลาดต่างประเทศต่อเคาะส่งMogu Mogu เปิดตลาดฝรั่งเศส

‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE  บิ๊กผู้นำตลาดเครื่องดื่มเบอร์ต้นของไทยหลังจากฝ่าวิกฤตโควิดมาได้ 2 ปี ในปีนี้นับว่าสามารถทำผลงานได้โดดเด่น โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 178.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 142.0 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมทำได้ 1,356.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,083.9 ล้านบาท

เปิดเบื้องหลัง All Time High  3 ไตรมาสติด "SAPPE"

นับเป็นการทำรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 498.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ที่มีกำไรสุทธิ 355.4 ล้านบาท และมีรายได้รวม 3,832.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 2,816.9 ล้านบาท 

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญของการเติบโตของไตรมาส 3/2565  มาจากตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปมีการเติบโตสูงถึง 134.1% โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทฯ สามารถปักธงช่องทางห้างค้าปลีก (MT) และร้านค้าดั้งเดิม (TT) เริ่มต้นจากประเทศฝรั่งเศส อันจะเป็นแรงผลักดันนำร่องให้เกิด Brand Awareness ไปยังประเทศอื่นๆ ในโซนยุโรปปีถัดๆ ไป

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE 

ขณะที่ยอดขายในตลาดตะวันออกกลางและเอเชียก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 51.5% และ 38.5% ตามลำดับ จากทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ปัจจุบัน SAPPE มีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 78% ของรายได้ โดยเราเห็นคำสั่งซื้อต่อเนื่องจนถึงปลายไตรมาส 1/66 แล้ว แม้สถานการณ์ในทวีปยุโรปจะเกิดปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม

นอกจากนี้ SAPPE มีการทำการตลาดโดยผสมผสานทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์  เพื่อสร้างการมองเห็นและเพิ่มกลุ่มผู้บริโภคใหม่ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้นำกลยุทธ์การตลาดแบบ “ผู้ทรงอิทธิพลชื่อดังระดับโลก” (Global Influencer Marketing) อย่างวง “บีทีเอส” (BTS) ในการโปรโมทเครื่องดื่มผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ โมกุ โมกุ (Mogu Mogu) ผ่านรายการ RUN BTS ที่มีผู้ติดตามจำนวนมหาศาล โดยบริษัทฯ คาดว่าการตลาดแคมเปญนี้จะเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ โมกุ โมกุ (Mogu Mogu) ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก (Global Brand) มากยิ่งขึ้น ทั้งยังส่งผลต่อยอดขายในประเทศอื่นๆ ทั้งในภูมิภาคเอเชียและยุโรปด้วย 

 

"เรามั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 30-35% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 20% เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 3,444.1 ล้านบาท โดยเราได้วางกลยุทธ์เพื่อรุกสร้างการเติบโตในต่างประเทศจะมุ่งเน้นที่การสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับการแข่งขัน และความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลก พร้อมสร้าง Brand Loyalty เพื่อมัดใจผู้บริโภค และมีการซื้อซ้ำอยู่เสมอ  "