ประกันรายได้ข้าว65/66 จ่ายไม่ทัน 19 ต.ค.

โครงการประกันรายได้ข้าว4ปี โครงการที่ชาวนาทั่วประเทศตั้งตารอว่าจะได้รับเงินส่วนต่างเท่าไหร่และเงินจะเข้าวันไหนนั้น วันนี้(18ต.ค.) ต้องมาลุ้นกันว่า กระทรวงพาณิชย์จะดันเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทันหรือไม่ซึ่งถ้าทันชาวนาก็อาจจะได้รับเงินส่วนต่างงวดแรกในวันที่ 19 ต.ค.นี้แต่ถ้าไม่ทันก็ต้องรอไปอย่างน้อย1สัปดาห์เพื่อเสนอเข้าครม.อีกครั้ง
 

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึง โครงการประกันรายได้ข้าวปี4 ที่จะจ่ายงวดแรกวันที่ 19 ตุลาคมนี้จะทันหรือไม่นั้น เท่าที่ทราบยังไม่เห็นวาระอยู่ในที่พิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทำให้คาดว่าการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างของประกันรายได้ข้าวในงวดแรกวันที่ 19 ต.ค.นี้น่าจะไม่ทัน ซึ่งก็ต้องรอจนกว่า ครม. พิจารณาอนุมัติ แต่ขอให้ชาวนาอดทนรอไม่นาน เพราะเมื่อ ครม.ไฟเขียวขั้นตอนต่างๆก็จะเดินหน้าเร็วขึ้น มั่นใจว่าเดือนนี้เงินส่วนต่างงวดแรกชาวนาได้รับแน่นอนพร้อมกับเงินชดเชยน้ำท่วมในพื้นที่ประสบภัยด้วย

ส่วนหลักเกณฑ์จะเหมือนกับโครงการประกันรายได้ข้าว ทั้ง 3 ปีที่ผ่านมา โดยใช้วงเงิน 8.6 หมื่นล้านบาท ลงทะเบียนแต่วันที่ 1 เม.ย. - 31 ต.ค.65 และภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.65 - 28 ก.พ.66  จะจ่ายเงินส่วนต่างทุกๆ7วัน จำนวน 33 งวด งวดแรกจะเริ่มวันที่19 ต.ค.นี้ และงวดสุดท้ายจะเป็นวันที่ 26 พ.ค.2566

สำหรับราคาและปริมาณ ประกันรายได้ข้าว  กำหนดราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้

•  ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันรายได้ 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
•  ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันรายได้ 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
•  ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันรายได้ 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
•  ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันรายได้ 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
•  ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันรายได้ 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

สำหรับราคาข้าวในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก เช่น

• ข้าวหอมมะลิ ราคาเพิ่มขึ้น 41% หรือมีราคา 14,200-15,300 บาทต่อตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคา 10,600 บาทต่อตัน
• ข้าวเปลือกเจ้าเพิ่มขึ้น19% หรือราคา 9,300-9,500บาทต่อตันเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคา 7,700บาทต่อตัน
• ส่วนข้าวชนิดอื่นๆเช่นข้าวเหนียว เพิ่มขึ้น 9.9% ราคา 9,500-10,000 บาทต่อตัน
• ข้าวหอมปทุม เพิ่มขึ้น 11% ราคา 10,600-10,100 บาทต่อตันเป็นต้น

ส่วนโครงการมาตรการคู่ขนาน ซึ่งจะเป็นมาตรการที่นำมาใช้ในช่วงที่มีปริมาณข้าวออกสู่ตลาดมากและกระทบกับราคาข้าวในตลาด ซึ่งมี 3 มาตรการ คือให้เกษตรลดการขายข้าว โดยตั้งเป้าหมาย 2.5 ล้านตัน จะช่วยชดเชยตันละ 1,500 บาท

สำหรับสถาบันเกษตรกรที่ชะลอขายข้าวจะช่วยดอกเบี้ย 3% ตั้งเป้า 1 ล้านตัน และช่วยโรงสีที่เก็บข้าวไว้ไม่ปล่อยออกสู่ตลาด จะช่วยดอกเบี้ย3%เป้าหมาย 4 ล้านตัน รวมวงเงิน 7,107 ล้านบาทช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเรื่องต้นทุนและการบริหารจัดการข้าว หรือที่เรียกว่า ไร่ละ 1,000 รายละไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทจำนวน 4.68 ล้านครอบครัว วงเงิน 55,364 ล้านบาท รวม 3 โครงการนี้เป็นวงเงิน 150,127 ล้านบาท

ส่วนพื้นที่ประสบบปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมนั้น ก็จะได้รับเงินเยียวยาเช่นกัน ซึ่งจะเท่าไหร่นั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯในการพิจารณาและพื้นที่ที่ประสบภัยกระทรวงมหาดไทยจะต้องขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ภัยพิบัติด้วยถึงจะได้รับเงินเยียวยา