บีเจซี - บิ๊กซี ปั้น"BASE"หลักสูตรเฉพาะทางค้าปลีก

29 ก.ย. 2565 | 18:54 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2565 | 07:32 น.

คนไทยความอดทนต่ำ ดันหลักสูตรระยะสั้นบูม บีเจซี - บิ๊กซี สบโอกาสดีมานด์หลักสูตรเฉพาะทางสูง ซัพพลายน้อย จับมือ บลูบิค ปั้นหลักสูตรเฉพาะค้าปลีก "BASE" ตัวกลางสร้างเครือข่าย connected commerce

หลักสูตรระยะสั้น Disrupt การเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยและMini MBA ผู้เรียนยุคใหม่เริ่มมองหาหลักสูตรเฉพาะทางมากขึ้น บีเจซีและ บิ๊กซีจึงจับมือ บลูบิค กรุ๊ป เปิดหลักสูตร BASE (BJC BIGC ACADEMY OF SMART ENTERPRENEURS) สร้างเครือข่ายผู้นำธุรกิจค้าปลีก 5.0 รุ่นแรก

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า โลกของ Retail ถูก Disrupt ไม่แพ้อุตสาหกรรมอื่นๆ จากเดิมที่ขาย Offline ง่ายๆ มาสู่ยุค Omni-Channel ที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่ มีทางเลือกให้ซื้อและเปรียบเทียบมากกว่าเดิมจากทุกช่องทาง BJC- BigC ในฐานะ Retail Expert จัดจึงทํา BASE Program (BJC BigC Academy of Smart Entrepreneur) เพื่อเป็นโครงการสําหรับ สร้างเครือข่าย เสริมความรู้ ความเข้าใจของผู้ประกอบการในด้านค้าปลีก ค้าส่ง ในยุคที่ Connected Commerce มีความซับซ้อน มากยิ่งขึ้น

 

โดย BASE Program รวบรวมเหล่ากูรูในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Trends   ภาพรวมและภาพย่อยของการทําธุรกิจให้ยั่งยืนในยุค 2022-2023 Specialized Workshop / Visit ที่จะทําให้เข้าใจโลกของ Retails ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจาก   BJC- BigC และผู้ประกอบการตัวจริงในวงการ Retail

BJC-Big C ปั้น"BASE"หลักสูตรเฉพาะทางค้าปลีก

“BJC-Big C ดำเนินธุรกิจมากว่า 140 ปี เป็นธุรกิจค้าปลีกบริษัทแรกๆที่ขยายธุรกิจในอาเซียน มีการสร้าง platform การค้าส่ง ค้าปลีกทางออฟไลน์และออนไลน์มีฐานลูกค้า 18 ล้านคนในภูมิภาคอาเซียนทำให้เราเห็นว่าแต่ละประเทศเศรษฐกิจมีการพัฒนาที่ล้ำลึก หากประเทศไทยไม่มีการจับมือกันเพื่อพัฒนา ไทยจะล้าหลังกว่าประเทศอื่น   จึงเกิดเป็นแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการของไทยสามารถมารวมพลังกันเพื่อทำให้ประเทศและการค้าของเรามีความแข็งแกร่งในอาเซียน จึงเป็นที่มาของการทำBASE Program เพื่อให้เป็นจุดที่ทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ได้ทดลอง ได้คุยหารือกัน และใช้กลไกของ Big C ทดลองทำการค้า”

 

ด้านนาย ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า  คนที่เก่งในสมัยนี้คือคนที่สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้ และหากพูดถึงการศึกษาในปัจจุบันจะได้ยินคำว่าหลักสูตรระยะสั้น ซึ่งเริ่มมาจากการเรียน Mini MBA ซึ่งใช้เวลาเรียน 1-2 ปี แต่ปัจจุบันคนไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น คนต้องการหลักสูตรที่ได้ทั้งความรู้ ประสบการณ์จริงและได้ network

 

ซึ่งหลักสูตรระยะสั้นในประเทศไทยมี 3 ประเภท ประเภทแรกคือหลักสูตรกึ่งราชการ ซึ่งมีวิชั่นชัดเจนเช่น วปอ. เรียนเรื่องความมั่นคง วตท.เรียนเรื่องตลาดทุน สถาบันพระปกเกล้า เรียนเรื่องการเมือง หลักสูตรประเภทที่ 2 เป็นหลักสูตร concept course เช่นหลักสูตรดิจิตอล และประเภทที่ 3 ซึ่งเป็นประเภทที่มีน้อยมากคือหลักสูตรเฉพาะของกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งในหลายอุตสาหกรรมต้องการ networking เพราะโดน disrupt เยอะ แต่เครือข่ายที่จะ connect กันได้จะต้องมีเจ้าภาพ ในประเทศไทยตอนนี้มีอุตสาหกรรมเดียวที่สามารถทำได้คืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้ที่เข้าเรียนจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันและมีความแข็งแกร่งมาก

 

“หลักสูตรระยะสั้นเข้ามา  disrupt การเรียนแบบเดิมนานแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครสมัครMini MBA เพราะระยะเวลาเรียนยาวเกินไป แม้แต่มหาวิทยาลัยเองก็มีการออกหลักสูตรระยะสั้นมากขึ้น หลักๆจะใช้ระยะเวลาเรียน 4 เดือน เพราะตอนนี้คนไม่มีความอดทนใดๆตั้งแต่ถูก disrupt จากออนไลน์และมีเดีย หลักสูตร 4 เดือนจึงกลายเป็น format ที่ทุกคนยอมรับได้ เพราะนานพอที่จะรู้จักกัน นานพอที่จะได้ความรู้ แต่ไม่นานเกินไปจนรู้สึกเบื่อนี่เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวเวลาของการเรียนอาจจะสั้นลงกว่าเดิมก็ได้

 

แต่การที่จะสร้างหลักสูตรประเภทนี้จะต้องมีครบวงจรทั้งต้นน้ำถึงปลายน้ำ เมืองไทยอยู่ด้วยคอมเมิร์ซและค้าปลีก ซึ่งเป็น1ใน4อุตสาหกรรมที่ถูก Disruptเยอะมากที่สุด เพราะฉะนั้น retail จะต้องมีความเข้าใจทั้งเรื่องของการผลิต ต้นทุน จนถึงค้าปลีกแบบสโตร์ ซึ่ง Big C เป็นองค์กรที่มีตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำและมีองค์ความรู้ที่สามารถถ่ายทอดออกมาเพื่อสร้างให้คนรุ่นใหม่แข็งแรงได้  นอกจากนี้เรายังนำวิทยากรจากข้างนอกเข้ามาเสริมเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง รวมไปถึงเรื่องใหม่ๆเช่น social commerce ต่างๆ รวมทั้งทำให้เกิด network ที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ จนออกมาเป็น BASE Program” 

 

สำหรับ BASE จะทำการเรียนการสอนในแบบรายวีครวม 12 สัปดาห์ เปิดรับรุ่นแรกจำนวน 120 คน ซึ่งได้รวบรวมทีมผู้บริหารระดับ C-Level ของกลุ่มBJC-Big C และเหล่ากูรูชั้นนำของประเทศ  มาร่วมแชร์แนวคิดพร้อมเผยเทคนิคการสร้างธุรกิจยุคใหม่ในหลากหลายมิติ เช่น Business Transformations, Finance , และ Leadership 

 

“ถ้าเราได้เด็กเก่งๆเข้ามาร่วมโครงการ มาร่วมกันแชร์ประสบการณ์จะเกิด community ที่แข็งแรงมาก เราพยายามที่จะแชร์ทั้งภาพกว้างและลงลึก  เราจะพูดเรื่องการตลาด  leadership, story telling ไฟแนนซ์ และการคุยกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นหลักสูตรในห้องเรียน ส่วนหลักสูตรนอกห้องเรียนจะเน้นทำอย่างไรให้คนสนิทกัน เราจะมีการทำแรลลี่ที่อยุธยา มีการศึกษาดูงานใน business ของ bjc ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หลักๆเราต้องการให้ผู้ที่มาเรียนได้ความรู้เต็มที่ ทั้งประสบการณ์จริงจากกูรู  อยากให้สนิทกันจนเกิดเครือข่ายซึ่งสำคัญมากเพราะเราต้องรวมกันเพื่อไปสู้กับต่างประเทศ และสุดท้ายคือเมื่อมีพลังแล้วถูกส่งต่อไปในทางที่ดี ไปถ่ายทอดความรู้ต่อ เราหวังว่าจะเกิดภาพแบบนั้น

 

แน่นอนว่าเรามีการเก็บค่าใช้จ่ายโดยยึดเรทเดียวกับคอร์สอื่น  และในอนาคตถ้าเรามีรายได้จากตรงนี้ เราจะนำไปต่อยอดเป็นงานสัมนาที่ไม่เก็บค่าใช้จ่าย และขยายผลต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเราคิดว่าBASEน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของวงการค้าปลีก”