CPF ตั้งเป้าฟาร์มสุกรคอนแทรคฟาร์มทุกแห่งต้องใช้ “ไบโอแก๊ส-โซลาร์ฟาร์ม”

29 ก.ค. 2565 | 18:32 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ค. 2565 | 01:56 น.

CPF ผลักดัน “Greenfarm” ต่อยอด ฟาร์มสุกรรักษ์โลกเป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม สู่เกษตรกรคอนแทรคฟาร์ม ดันฟาร์มสุกรทุกแห่งใช้ระบบไบโอแก๊ส ควบคู่โซลาร์ฟาร์ม

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผลักดันมาตรฐานฟาร์มสีเขียว หรือกรีนฟาร์ม (CPF Greenfarm) ฟาร์มสุกรรักษ์โลกเป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม สู่เกษตรกรคอนแทรคฟาร์ม ต่อยอดความสำเร็จฟาร์มสุกรทุกแห่งใช้ระบบไบโอแก๊ส (Biogas) เป็นพลังงานทดแทนจากก๊าซชีวภาพ ควบคู่โซลาร์ฟาร์ม ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 

CPF Greenfarm

นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับฟาร์มเลี้ยงสุกรของซีพีเอฟทั้ง 98 แห่ง และฟาร์มของเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกรกับบริษัท หรือคอนแทรคฟาร์ม ได้ดำเนินการตามมาตรฐาน Greenfarm มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2552 ทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรฐานฯเดียวกัน

 โดยมุ่งเน้นการจัดการของเสียภายในฟาร์มสุกรด้วยระบบ Biogas ที่ส่งผลดีทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ควบคู่กับการทำระบบฟอกอากาศท้ายโรงเรือนเลี้ยงสุกร จึงช่วยลดกลิ่นรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการปลูกไม้ยืนต้นในบริเวณฟาร์มและพื้นที่ว่างระหว่างโรงเรือน ที่ช่วยเพิ่มความร่มรื่นและลดความร้อนให้กับโรงเรือนสุกรช่วยลดการใช้พลังงานในระบบ EVAP สำหรับทำความเย็นในโรงเรือน

 

ที่สำคัญซีพีเอฟ ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการต่อยอดความสำเร็จจากระบบ Biogas ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของกรีนฟาร์ม ที่สามารถผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในฟาร์ม ช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้าได้ถึง 50-80% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศได้ประมาณ 370,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เป็นผลดีทั้งในด้านการประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน

นอกจากนี้ บริษัทยังนำระบบโซล่าเซลล์ มาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับส่วนต่างๆของฟาร์ม เกิดผลประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดสู่ “โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ : SOLAR CELL” ในรูปแบบ “โซลาร์ฟาร์ม” โดยฟาร์มนำร่องที่ได้ติดตั้งและเดินระบบจ่ายไฟฟ้าแล้ว ได้แก่ ฟาร์มกาญจนบุรี ฟาร์มวิเชียรบุรี ฟาร์มศรีเทพ ฟาร์มเพชรบูรณ์ และฟาร์มท่าจรุง รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 1.3 เมกะวัตต์ และขยายสู่โครงการเฟส 2 อีก 6 ฟาร์มซึ่งกำลังเตรียมพื้นที่ติดตั้ง ได้แก่ ฟาร์มจันทบุรี1 ฟาร์มหนองคาย ฟาร์มโคกปี่ฆ้อง ฟาร์มคลองอุดม ฟาร์มศิลาทิพย์ และฟาร์มลพบุรี รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 1.25 เมกะวัตต์ โดยในอนาคตจะขยายไปยังฟาร์มอื่นๆต่อไป

 

“ซีพีเอฟมุ่งพัฒนาฟาร์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีฟาร์มของบริษัทเป็นต้นแบบ แล้วจึงถ่ายทอดความสำเร็จไปสู่ฟาร์มของเกษตรกร ทั้งมาตรฐานกรีนฟาร์ม การนำระบบ Biogas และโซลาร์ฟาร์ม จากพลังงานธรรมชาติที่กลายเป็นขุมพลังสำคัญสามารถป้อนไฟฟ้าเข้ากระบวนการเลี้ยง เป็นพลังงานสะอาดที่ฟาร์มสามารถผลิตใช้เองได้ ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า บางฟาร์มสามารถทดแทนการใช้พลังงานจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ 100% และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตได้เป็นอย่างดี” นายสมพร กล่าว

 

ขณะเดียวกัน ฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทุ่งแห่ง มุ่งพัฒนากระบวนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ตลอดห่วงโซ่การผลิต ด้วยหลักการ 3Rs คือ “Reduce” ลดปริมาณการใช้น้ำ “Recycle” นำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยผ่านกระบวนการบำบัดแล้ว และ “Reuse” นำน้ำมาใช้ซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น การนำน้ำที่ออกจากระบบ Biogas และผ่านการบำบัดจนเป็นน้ำที่มีคุณภาพนำกลับมาใช้ ช่วยลดการใช้น้ำดิบจากแหล่งธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว ที่เรียกว่า “น้ำปุ๋ย” กลับไปใช้ประโยชน์ ทั้งรดสนามหญ้า ต้นไม้ และแปลงปลูกผักปลอดสารสำหรับบุคลากรในฟาร์ม และยังนำน้ำมาผ่านการฆ่าเชื้ออีกครั้งสำหรับใช้ล้างโรงเรือน

 

พร้อมทั้งจัด “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่ชุมชน” ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เพื่อแบ่งปันน้ำให้แก่เกษตรกรในบริเวณใกล้เคียง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตเร็ว ได้ผลผลิตคุณภาพดีและมีปริมาณเพิ่มขึ้น ช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของซีพีเอฟ ที่ขอเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ช่วยลดใช้พลังงาน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรชุมชน