เจาะโมเดล "88 แคนนาเทค" เขย่าตลาดกัญชงไทย

09 มิ.ย. 2565 | 05:33 น.
2.0 k

เขย่าตลาดกัญชง “88 แคนนาเทค” ลุยปั้นโมเดล “ปลูกสุขภาพ” สยายปีกรุกซัพพลายเชนตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ แปลงปลูก โรงสกัด จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป พร้อมเดินหน้าเปิดคลินิกกัญชาการแพทย์รองรับตลาด Wellness กลุ่มลูกค้าคนไทย-ต่างชาติ มั่นใจทำรายได้ 900-1,200 ล้านบาทในต้นปี 2566

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีผลบังคับใช้ วันที่ 9 มิถุนายน 2565 มีผลให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่เป็นยาเสพติดประเภท 5 ยกเว้นสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% ประชาชน สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเพียงแต่จดแจ้งนั้น กลายเป็น “โอกาส” ให้เกิดผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่การจะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรอบด้าน

 

นายพรประสิทธิ์ สีบุญเรือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท 88 แคนนาเทค จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ธุรกิจกัญชา กัญชง เป็นเทรนด์ต่างประเทศที่มีการใช้กัญชาทางการแพทย์และกัญชงเชิงพาณิชย์มานาน ประกอบกับรัฐบาลไทยแถลงนโยบายเรื่องกัญชา กัญชง จึงตัดสินใจรุกเข้าธุรกิจนี้ และจดทะเบียนตั้งบริษัทในปี 2562 ภายใต้แนวคิด “เราปลูกสุขภาพ”

 

พร้อมเริ่มมองหาผู้ที่มีประสบการณ์ในต่างประเทศ จนได้พันธมิตร ในส่วนของต้นน้ำ คือบริษัทไฟลอส ไบโอซาย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชา กัญชงใหญ่เป็นอันดับ 1 ใน 5 ของอเมริกา โดยนำเข้าเมล็ดพันธุ์ชุดแรกเมื่อปีที่ผ่านมา 6 หมื่นเมล็ด เพื่อปลูกในพื้นที่โรงเรือนกรีนเฮ้าส์ของบริษัท

พรประสิทธิ์ สีบุญเรือง

ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.เชียงราย 2 หมื่นเมล็ด เก็บผลผลิตชุดแรกไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ช่อดอกกัญชงแห้ง 370 กิโลกรัม และนำไปทำ Contact Farming โดยมีลูกฟาร์ม 2 แห่งคือโชคอนันต์ฟาร์มปลูก 1 หมื่นเมล็ด และฟาร์มเขียวชอุ่ม ซึ่งได้รับอนุญาตปลูก 3 หมื่นเมล็ด

           

“บริษัทตัดสินใจทำ MOU กับพันธมิตรในอเมริกา ทำโรงงานสารสกัด CBD จากช่อดอกกัญชงตั้งแต่ปี 2563 เดิมเราตั้งใจทำโรงสกัดในฐานะภาคเอกชนเต็มตัว แต่หลังจากร่วมงานกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีโรงสกัดกัญชาเพื่อนำไปทำยา “เมตตาโอสถ” ซึ่งต้องใช้วัตถุดิบจากกัญชา

บริษัท 88 แคนนาเทค จำกัด

ขณะเดียวกันก็มีภารกิจในการทำยา “การุณโอสถ” โดยใช้ผลผลิตของกัญชง จึงตัดสินใจทำโรงสกัดร่วมกันโดยบริษัทสนับสนุนในเรื่องของเครื่องจักรทั้งหมด และทำงานร่วมกันในลักษณะของโรงสกัดกลาง ซึ่งกรมแพทย์แผนไทยและ 88 แคนนาเทค สามารถนำกัญชงมาสกัดที่นี่ ในขณะเดียวกันเกษตรกรก็สามารถที่จะนำกัญชงเข้ามาจ้างเราสกัดได้”

           

สำหรับปีนี้ บริษัทมีแผนขยายการเพาะปลูกให้ถึง 1 แสนต้น เพื่อสกัดน้ำมันจากดอกกัญชงหรือ CBD Oil ให้ได้ประมาณ 300-400 กิโลกรัม และขยายจำนวนลูกฟาร์มเพิ่มอีกหลายแห่ง เช่น เชียงใหม่ เลย เพชรบูรณ์ชลบุรี กระบี่ ขอนแก่น และอีกหลายจังหวัดในพื้นที่ของประเทศ คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในช่วงครึ่งปีหลัง

บริษัท 88 แคนนาเทค จำกัด

นอกจากนี้ยังขยายการเพาะปลูกในลักษณะลูกฟาร์ม ซึ่งตอนนี้เริ่มมีเกษตรกรเข้ามาเป็นลูกข่ายของลูกฟาร์มกว่า 40 รายเพื่อรองรับการขยายกำลังการปลูกให้ถึง 3 แสนต้นภายในปี 2566 และน้ำมันจากช่อดอกกัญชงประมาณ 3,000 กิโลกรัม

 

บริษัทยังมีแผนขยายโรงสกัดโรงที่ 2 ภายในครึ่งหลังปี 2566 เพื่อรองรับกับผลผลิต 3 แสนต้นนี้ ขณะเดียวกันบริษัทจะดำเนินการทางด้านโลจิสติกส์ครบวงจร โดยจะมีรถไปรับผลผลิตจากหน้าฟาร์ม รวมทั้งการลงทุนจัดตั้งคลังจัดเก็บ คัดแยก และบรรจุช่อดอกกัญชงสดและแห้ง ทั้งในระบบห้องเย็น Cold Room และระบบฟรีซดราย Freeze Dry เพื่อให้ได้มาตรฐาน และรักษาคุณภาพของผลผลิตช่อดอกกัญชง ก่อนที่จะนำส่งโรงงานสารสกัด CBD จากช่อดอกกัญชง

 

ในส่วนของปลายน้ำ ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์ 7 ตัวนำร่อง เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม CBD Full Spectrum ภายใต้แบรนด์ CANNDO กลุ่มบิวตี้ CBD Anti Acne Serum, CBD Anti Acne Cream และ CBD Anti Aging Serum ภายใต้แบรนด์ CANNBE กลุ่มสมุนไพร ก็จะมี HEMP TEA ชาใบกัญชง ภายใต้แบรนด์ CANNFEEL เป็นต้น ซึ่งอยู่ในขั้นตอนขึ้นทะเบียน คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2565 นี้

 

“โรงสกัดแห่งแรก จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม 2565 หลังจากนั้นไม่เกินต้นไตรมาส 4 ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจะเริ่มวางจำหน่าย แต่เนื่องจากใน 2-3 ปีแรกผลผลิตจากการปลูกจะน้อย ขณะเดียวกันถ้ามีผู้ประกอบการปลายน้ำ เริ่มวางตลาดผลิตภัณฑ์ที่ผสมสาร CBD คู่แข่งอื่นๆก็จะตาม ทำให้ซัพพลายน้อยกว่าดีมานด์มาก

บริษัท 88 แคนนาเทค จำกัด

ดังนั้นราคาของสารสกัดจะค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันราคาอยู่ที่ 4-5 แสนบาทต่อกิโลกรัม แต่เมื่อทำผลิตภัณฑ์ปลายน้ำออกมาราคาจะแพงกว่า 16 เท่า ส่วนราคาขายของผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับสินค้าปกติที่ไม่มีสาร CBD ราคาสูงกว่าประมาณ 40-50%”

 

ทั้งนี้บริษัทวางการตลาดในประเทศ 40% และตลาดส่งออก 60% ทั้งในรูปของวัตถุดิบ น้ำมัน CBD Oil จากช่อดอกกัญชง และผลิตภัณฑ์ทั้งเครื่องสำอาง สมุนไพร อาหารเสริม ซึ่งตอนนี้ได้รับการติดต่อซื้อจากลูกค้าใน 7 -8 ประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ อังกฤษ เยอรมัน เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และตุรกี เป็นต้น

บริษัท 88 แคนนาเทค จำกัด

“ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนของการทำการตลาดเพื่อสร้างรายได้จากต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็จะต่อยอดในเรื่องของ Wellness ซึ่งมีแผนจะทำคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ผสมกับ Wellness and Spa ภายใต้แบรนด์ CANNAHEALTH ในลักษณะสหคลินิกที่นำกัญชา กัญชงมาเป็นการป้องกัน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งตอนนี้เราเข้าไปร่วมลงทุนกับคลินิกความงาม และเปลี่ยนรูปแบบทั้งหมด

 

โดยมีทั้งคลินิกความงาม คลินิกกัญชาทางการแพทย์ และคลินิกโรคนอนไม่หลับ โดยมีแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย จ่ายยากัญชา กัญชงจากองค์การเภสัชกรรม และกรมแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพราะเรามีคลินิกกัญชาทางการแพทย์ของเราเองอยู่ที่ กระทรวงสาธารณสุข เป็นคลินิกเอกชน ใช้ชื่อว่า คลินิกนวัตกรรมการแพทย์แผนไทย ซึ่งเราตั้งใจจะทำกัญชา กัญชงเป็นสมุนไพรและทำอาหารเป็นยาด้วย”

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากช่อดอกกัญชง และการขายเมล็ดพันธุ์บางส่วนให้กับ Contract Farming รวมทั้งการระดมทุนเพื่อขยายเฟส 2 ผ่านบริษัท สินวัฒนา คราวน์ดฟันดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฏหมาย จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

ประมาณการว่าภายในไตรมาสแรกของ ปี 2566 บริษัทจะมีรายได้ 900- 1,200 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์กว่า 1.2 ล้านยูนิต ที่จะทยอยออกสู่ตลาดในไตรมาส 4 นี้ ผ่านช่องทางจำหน่ายทั้งออนไลน์ โดยได้มีการประสานความร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด และอีกหลายพันธมิตร อาทิ Happy Shopping, Shopee, True Shopping และอื่นๆ รวมทั้งช่องทาง Social Media Channel ต่างๆ เช่น Instagram, Facebook, Line เป็นต้น

บริษัท 88 แคนนาเทค จำกัด

ในส่วนของออฟไลน์ จะวางจำหน่ายในร้านสุขภาพและความงาม รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ในส่วนของการส่งออก ปัจจุบันขึ้นทะเบียนกับทางอย. เพื่อขอใบอนุญาต “เพื่อการส่งออกเท่านั้น” สำหรับน้ำมันสารสกัด CBD จากกัญชงที่ใช้หยดใต้ลิ้น หรือ CBD Dropper เพื่อส่งออกไปวางขายในร้านขาย CBD ในต่างประเทศ

 

“สินค้าที่เป็นภูมิปัญญาไทยจะได้รับการตอบรับและเป็นที่ต้องการของตลาด สมุนไพรไทยเป็นจุดขาย และเป็นจุดที่จะสามารถสร้างรายได้เพิ่ม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีสูตรสมุนไพรนับพันตำรับ ถ้าเรานำมาพัฒนาเพิ่มสาร CBD หรือรากกัญชงหรือต้นกัญชงลงไป ก็จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ

 

หรือนักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการ Wellness ในประเทศ จะได้ใช้บริการกัญชา กัญชง ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การนวด แต่รวมไปถึงการกิน การสูบ แต่จะต้องอยู่ในคลินิกแพทย์แผนไทย ซึ่งไม่สามารถหาได้จากที่ใดในโลก เราพยายามทำต้นแบบ และต่อไปในอนาคตก็จะออกมาในรูปของแฟรนไชส์”

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,790 วันที่ 9 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565