สมุนไพร 5 หมื่นล้านคึกคัก รัฐไฟเขียวเพิ่มบัญชียาหลัก

27 พ.ค. 2565 | 12:00 น.

ตลาดสมุนไพร 5 หมื่นล้านคึกคัก หลังรัฐไฟเขียวเพิ่ม 14 รายการสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ทั้ง ยาน้ำมันกัญชา ฟ้าทะลายโจร พร้อมหนุนแพทย์ สาธารณสุขใช้เต็มรูปแบบ

ตลาดสมุนไพรไทยที่เติบโตต่อเนื่องตลอด 4 ปีนับจากปี 2559 จนมีมูลค่าสูงถึง 5.84 หมื่นล้านบาทในปี 2562 ก่อนสะดุดลงจากพิษโควิด-19 แต่เมื่อ “สมุนไพร” ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาและป้องกันโควิด ส่งผลให้ตลาดกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

 

ขณะเดียวกันในปี 2564 ที่คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรได้เพิ่มสมุนไพรเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรเพิ่มเติมอีก 14 รายการรวมเป็น 94 รายการ เช่น ยาน้ำมันกัญชา ยาฟ้าทะลายโจรสำหรับผู้ป่วยโควิด บัญชียาหลักแห่งชาติ โอกาสของตลาดสมุนไพรไทยจึงสดใสมากขึ้น เพราะจำทำให้ประชาชนเข้าถึงยาได้ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน

ตลาดสมุนไพรไทย

รศ.ดร.ภก.จิราพร ลิ้มปาลานนท์ ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เปิดเผยว่า เรื่องของบัญชียาหลักหลายคนคุ้นเคยกับยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมีการส่งเสริมการใช้มานาน แต่สำหรับบัญชียาหลักด้านสมุนไพรแม้จะเป็นยาที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ขณะนี้ได้เข้าไปสู่ระบบบริการสาธารณสุขเป็นที่เรียบร้อยแล้วในลักษณะของงบรายหัวของสปสช. ซึ่งไปแบ่งกับยาแผนปัจจุบัน

 

แต่ปัจจุบัน สปสช. ได้ใช้กลไกการเงินในการช่วยสนับสนุนให้มีการใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อจะเข้าสู่บริการสาธารณสุขจะต้องเป็นบัญชียาหลัก เพราะฉะนั้นปรัชญาในการทำบัญชียาหลักด้านสมุนไพรจะต้องส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรไทยในระบบบริการสุขภาพเพื่อสนับสนุนการพึ่งตนเองและความมั่นคงทางยา

 

ในการส่งเสริมนั้นมีหลักการชัดเจนว่าจะต้องมีองค์ความรู้ทางด้านความปลอดภัยและประสิทธิผล ซึ่งหลักการบัญชียาหลักแห่งชาติสมุนไพรจะมี 4 ประเด็นหลักที่ใช้ในการคัดเลือก

 

ประเด็นที่ 1. ยาจำเป็น ที่ใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพ ปลอดภัยมีประสิทธิผลและมีหลักประกันคุณภาพมาตรฐาน

              

ประเด็นที่ 2. ยาที่ผ่านการรับรอง ผ่านการรับรองทั้งทางด้านกฎหมาย ขึ้นทะเบียนอย.เรียบร้อยแล้ว หรือยาที่ได้รับการรับรองจากโรงพยาบาล

สมุนไพรไทย

ประเด็นที่ 3. การส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพร ใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนาควบคู่กับการถ่ายทอดความรู้ในระบบการศึกษา

 

ประเด็นที่ 4. พัฒนายาสมุนไพร เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างครบวงจร

              

ปัจจุบันได้จัดบัญชียาหลักจากสมุนไพรไว้ 3 บัญชี และอีกหนึ่งกลุ่มที่ยังไม่สามารถระบุบัญชีได้ ในบัญชีที่ 1 เป็นกลุ่มยาจำเป็นที่มีข้อมูลเพียงพอและเป็นที่รู้จักพอสมควรทั้งยาแผนไทยแผนปัจจุบัน บางรายการมีเงื่อนไขการใช้คือผู้ที่ใช้จะต้องผ่านการอบรมเช่นยาตัวใหม่ที่นำเข้าในบัญชียาหลักเช่นยากัญชา

              

ส่วนบัญชีที่ 2 เป็นยาที่ใช้โดยแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนไทยประยุกต์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการของสถานสถานพยาบาลโดยใช้องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยซึ่งเป็นตำรับยา บัญชีที่ 3 เป็นรายการยาสำหรับโครงการพิเศษของหน่วยงานรัฐ และยาไม่ระบุบัญชี เป็นรายการยาที่เมื่อประเมินแล้วมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงแต่ยังไม่อาจระบุบัญชีตามเงื่อนไขที่กำหนดได้และยังต้องมีการติดตามข้อมูลเพิ่มเติม

 

“สปสช.เองก็พยายามที่จะใช้เงินอีกก้อนหนึ่งมาเพื่อสนับสนุนและส่งเสริม ภายใต้งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ในการที่จะเพิ่มเติมด้านบริการ ในเรื่องของการบริการแผนไทยกว่า 700 ล้านบาทรวมทั้งสมุนไพร และแยกน้ำมันกัญชาออกมาอีก 41 ล้านบาท แต่ปัจจุบันผ่านมา 2 ไตรมาสเราใช้งบประมาณในส่วนนี้ไปกว่า 2แสนบาท เพราะฉะนั้นแม้ว่าจะมีสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้วก็จำเป็นที่จะต้องส่งเสริมการใช้ต่อไป

              

ปัจจุบันการใช้ในบัญชียาหลักข้อมูลล่าสุดเดือนเมษายนที่ผ่านมาขมิ้นชันยังมีเบิกใช้มากที่สุดรองลงมาเป็นยา ฟ้าทะลายโจร ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้ฟ้าทะลายโจรจะเป็นเบอร์ 1 เพราะมีการใช้มากขึ้นและเป็นที่ยอมรับจะมากขึ้น ดังนั้นอยากให้บุคลากรทางด้านสาธารณสุขให้ความสนใจให้ความสำคัญกับมันเพราะมันเป็นภูมิปัญญาของเราและวัตถุดิบก็อยู่ในประเทศเราก็สามารถที่จะพัฒนาวงจรของเศรษฐกิจได้”

 

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,784 วันที่ 19 - 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2565