ดีเอชแอล สร้างพลังบวกพนักงาน Respect& Results

18 มี.ค. 2565 | 06:00 น.

ธุรกิจขนส่งด่วน เป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และการเดินทางของคนที่ไม่สะดวก ซึ่งที่ผ่านมา ดีเอชแอล เติบโตเป็นอย่างดี ด้วยบริการ Door to Door Service ขนส่งระหว่างประเทศที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพ

“เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย” กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ได้อธิบายถึงคีย์ซัคเซสของธุรกิจที่น่าสนใจ

 


“ในบริษัทขนส่งด่วน ระหว่างประเทศที่ดีที่สุดในโลก เราต้องทำอะไรบ้าง...เราปรับตัวให้เข้ากับดิจิทัลด้วยความเข้าใจ และโฟกัสที่ชัดเจน กับลูกค้า คือ การรับส่งพัสดุและเอกสารข้ามประเทศให้เร็วที่สุด เรามีฝูงบินครอบคลุมทั่วโลก” 

หากแต่ การบริหารธุรกิจให้เดินหน้าโดยไม่สะดุด ท่ามกลางภาวะวิกฤติ “เฮอร์เบิต” ต้องใช้ประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการขับเคลื่อนองค์กรและระบบงาน ซึ่งต้องใช้กลไกโปรแกรมการบริหาร ผลักดันให้ธุรกิจเติบโต พร้อมๆ กับการบริหารแรงงาน (workforce) ด้วย 3 Bottom Lines คือ

 

  • การเป็นองค์กรในดวงใจ (Employer of Choice)
  • การองค์กรที่ดีสำหรับนักลงทุน (Investment of Choice)
  • องค์กรผู้ให้บริการที่คนอยากเลือกใช้ (Provider of Choice) 

 

โดยใช้ 4 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อน เริ่มจาก

  1. Motivated People ดีเอชแอลตั้งต้นด้วย “คน” เสมอ กลยุทธ์ของเอชอาร์ต้องล้อกับกลยุทธ์ของบริษัท เมื่อคนมีพลัง เขาจะให้บริการส่งสินค้าให้ลูกค้าได้อย่างดี
  2. Great Service Quality ด้วยฝูงบินที่ครอบคลุมทั่วโลก โดยข้อมูลดิจิทัล ลูกค้าสามารถเปิดดูได้ว่าสินค้าไปถึงที่ไหนแล้ว อัพเดทได้ตลอดเวลา
  3. Loyal Customers
  4. Profitable Network เครือข่าย 220 ประเทศทั่วโลก ลูกค้า 2.7 ล้านราย พร้อมฝูงบิน 280 ลำทั่วโลก 


 “เฮอร์เบิต” เล่าว่า เขาพยายามสร้าง Great Place to Work ที่ไต่ลำดับดีขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าจะได้ขึ้นเป็นอับดับหนึ่งในปี 2021 วิธีการ คือ การสำรวจความคิดเห็นพนักงานทั่วโลก เพื่อดูเรตติ้ง และนำมาออดิท แล้วสร้างเป็นโปรแกรมที่เป็นมาตรฐานใช้ดูแลพนักงานดีเอชแอลทั่วโลก ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่ถูกต้อง ภายใต้ Future of Work เพื่อสร้างแรงจูงใจที่ดีให้พนักงานมีพลังบวกในการทำงาน 


“องค์กรของเรา พนักงานทุกคน พูดได้ว่า เราให้ความเคารพซึ่งกันและกัน และไม่หย่อนยานที่จะได้ให้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะ Results ทำให้องค์กรอยู่ได้ และ Respect การเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำให้พนักงานมีความสุข”


อีกส่วนคือ ดีเอ็นเอ พนักงานดีเอชแอล มีดีเอ็นเอเดียวกัน เอื้อต่อการทำธุรกิจ ด้วยสปีด และการทำงานที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น เพราะการทำงานของดีเอชแอลต้องประสานกันเป็นเน็ตเวิร์ค ทุกคนต้องมีมายด์เซ็ทที่ทุกอย่างสามารถทำได้ (can do attitude) และมี passion ในการทำงาน 


รวมถึงต้องมีหัวหน้าทีมที่สามารถสร้างแรงขับเคลื่อน รู้จักคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล และมีหัวใจในการเป็นผู้นำ เก่ง และต้องกล้าตัดสินใจ กล้ารับฟัง กล้าฟีดแบ็คคน ซึ่งไม่ใข่การติเตียน แต่เป็นการพูดเพื่อเสริมซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้พนักงานของดีเอชแอลกล้าพูด เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กล้าคิดกล้าแสดงออก ด้วยบรรยากาศที่เป็นเหมือนครอบครัว เมื่อมีอะไรผิดก็คุยกันตรงๆ แก้ไขร่วมกัน เพื่อการพัฒนา 


ในช่วง 2 ปีนี้ “เฮอร์เบิต” บอกว่า ดีเอชแอลนำดิจิทัลมาใช้งานค่อนข้างมาก ทั้งการประชุมและระบบงานต่างๆ มีการสร้างออฟฟิศใหม่ ไม่ให้เกิดการทำงานแบบไซโร ทำให้ทุกคนมาจอยซ์กัน ทำให้ทุกคน collaborate มากขึ้น เวลาการทำงานยืดหยุ่น ทำให้ทุกคนคุ้นเคยกับระบบ ไม่ใช่การทำงานแบบ Remote Working อย่างเดียว แต่เป็นการทำงานแบบผสมผสาน มิเช่นนั้นความรู้อยากทำงานหรือการแอคทีฟในการทำงานจะฟ่อลงเรื่อยๆ 
 

รูปแบบการทำงานยุคใหม่ ทีมงานต้องมีการทำโค้ชชิ่ง มีการติดต่อ การขอความช่วยเหลือ วิธีการ collaborate ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทักษะเหล่านี้ต้องทำด้วยกันและเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ 


สิ่งเหล่านี้ ทำให้ที่ผ่านมา ดีเอชแอล ประเทศไทย มีอัตราการลาออกไม่ถึง 5% จากอุตสาหกรรมที่มีสูงถึง 18-20% 


ล่าสุด ดีเอชแอล มีการลงทุนซื้อเครื่องบินขนสินค้าเพิ่มเติม เพื่อรองรับการขยายจำนวนสินค้าที่จะให้บริการเพิ่มขึ้น ดังนั้น พนักงานของดีเอชแอลต้องทำงานอย่างชาญฉลาดมากขึ้น เพื่อรองรับจำนวนสินค้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้กลไกการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้นได้ด้วยบริการที่มีประสิทธิภาพ 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,766 วันที่ 17 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2565