เคนยากุ สร้างมาตรฐานบวกนวัตกรรมขยายธุรกิจสู่ Wellness Center

23 ม.ค. 2565 | 11:47 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2565 | 21:19 น.

การทำธุรกิจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังตลาดยาและอาหารเสริมมากว่า 40 ปี ของบริษัท เคนยากุ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงเวลาของการขยายตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากเมื่อ 13 ปีก่อนได้ลงทุนขยายโรงงานอาหารเสริมมาแล้ว

โดยเจนเนอเรชั่นที่ 2 “พีรภพ หาญไกรพงศ์” ประธานกรรมการบริษัท ที่เข้ามารับมอบหมายหน้าที่ให้ดูโรงงานและการลงทุน
 

คุณพี” เล่าให้ฟังว่า เขาได้รับมอบหมายจากคุณปู่ให้เข้ามาดูแลในส่วนของโรงงาน การจัดซื้อ โครงสร้างไลน์อาหารเสริม และอื่นๆ ด้วยความสามารถที่ได้สั่งสมมาจากการเรียนรู้งานในโรงงานสมุนไพรของคุณแม่ภรรยาที่คุนหมิง และโรงงานผลิตยาที่ไหหลำ ที่ประเทศจีน และยังสามารถคอนเน็คกับผู้รู้ที่จีนได้ ทำให้ได้รับมอบหมายให้เข้าสานต่อกิจการของครอบครัวส่วนนี้ แม้จริงๆ เขาจะจบมาด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิค 

“ตอนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐาน GMP โรงงานยา มาสู่ Gmp Pic/s ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล และเป็นช่วงที่ตลาดอาหารเสริมขยายตัวอย่างมาก ทำให้มีการลงทุนขยายไลน์การผลิต ขยายไลน์อาหารเสริมขึ้นอีก 1 โรงงาน”


ช่วงเริ่มต้น เคนยากุ มีสัดส่วนการผลิตยาสามัญเดิมประมาณ 60% และอาหารเสริมแบบเม็ดและผงประมาณ 40% โดยตลาดอาหารเสริมมีการขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ “คุณพี” จึงมองว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีในการขยายตลาด เพราะยา คนจะมาซื้อยาก็ต่อเมื่อป่วย แต่สำหรับอาหารเสริม เป็นส่วนที่เติมเต็มสุขภาพ และการที่คนไทยหันมาใส่กับสุขภาพของตัวเองมากขึ้น การขยายตลาดส่วนนี้ จึงถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้ดี ทำให้เคนยากุปรับสัดส่วนการผลิตอาหารเสริมเพิ่มเป็น 80% ส่วนของยาสามัญเหลือ 20%  

การที่ตลาดอาหารเสริมเติบโต แน่นอนว่า คู่แข่งก็ย่อมมีเพิ่มตามมา แม้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ดังนั้น “คุณพี” จึงชูจุดแข็งการนำมาตรฐานโรงงานยามาสู่โรงงานอาหารเสริม รวมทั้งนำเสนอบริการแบบครบวงจรให้คู่ค้า ตั้งแต่การนำเสนอ แนะนำเทรนด์อาหารเสริม การสรรหาวัตถุดิบ รวมไปถึงการนำนวัตกรรมการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพของสูตรตำรับอาหารเสริมเข้ามาสร้างแต้มต่อ การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ และยังให้คำปรึกษาทางด้านการตลาดแบบครบวงจร เรียกว่า แค่มีไอเดียเข้ามาก็สามารถสร้างธุรกิจกับเคนยากุได้

 

ก่อนหน้านี้ “คุณพี” บอกว่า ความท้าทายในตลาดอาหารเสริม คือ การนำนวัตกรรมมาผสมผสาน สร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม แต่ ณ ปัจจุบัน นอกจากนวัตกรรมแล้ว “เวลา” ในการตอบสนองกับโจทย์และความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค ยังต้องรวดเร็วทันกับตลาด ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง จากเมื่อก่อนเปลี่ยนแปลงเป็นรายปีแต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลงเป็นรายไตรมาส

 

อีกสิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้เลย คือ มาตรฐานการผลิต ที่สร้างคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่ง “คุณพี” ใช้วิธีการนำมาตรฐานสากล รวมถึงมาตรฐานภายในประเทศเข้ามาจับ ทำให้นอกจากได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับแล้ว ยังทำให้ง่ายต่อการทำงาน เพราะมีมาตรฐานที่ชัดเจน โดยทีมงานของเคนยากุทุกคนได้รับการฝึกและพัฒนาให้มีมัลติสเกล สามารถทำงานทดแทนกันได้ 

 

ขณะเดียวกัน ก็นำผู้มีความรู้โดยเฉพาะเภสัชกรมาใส่ลงไปในทุกส่วนงาน เพราะความแม่นยำในเรื่องของข้อมูลและความรู้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจยาและอาหารเสริม

 

การขยายตัวของเคนยากุ ยังมีต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่ผู้บริหารตั้งไว้ว่า ต้องเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 5% สำหรับปีนี้ หลังผจญกับวิกฤตการณ์โควิด -19 “คุณพี” มองเห็นโอกาสทางการตลาด และพยายามสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจด้วยการขยายไลน์เพิ่มอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ สมุนไพร 

 

“กลุ่มธุรกิจของเรา คือ กลุ่มธุรกิจสุขภาพ มันคือองค์รวมทุกสิ่งอย่าง อาหารดี ร่างกายดี สิ่งที่บริษัทจะมุ่งต่อไปคือ จาก ยา ตอนนี้เรามีอาหารเสริม สิ่งที่ยังขาดคือ สมุนไพร เมื่อเราทำครบ เราจะไปเป็น Hub ด้าน Wellness หรือ Healthcare Center ที่จะมีทุกอย่าง ยิ่งมีโรคระบาด สมุนไพรไทยยิ่งได้รับความสนใจ”

 

สำหรับโรงงานสมุนไพร เขาลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ที่ฉะเชิงเทรา โดยซื้อที่ไว้ 14 ไร่ ที่พร้อมจะขยายต่อยอดสำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โรงงานแห่งนี้ นอกจากจะผลิตยาสมุนไพรแผนโบราณสำเร็จแล้ว ยังมีอีกส่วนคือ การทำสารสกัด ซึ่งไม่ได้มองแค่ตลาดในประเทศไทย แต่มองไปถึงตลาดต่างประเทศ เพราะสมุนไพรไทยถือเป็นที่ยอมรับของตลาดโลกแล้ว โดยสมุนไพรที่เขาสนใจตัวหนึ่งก็คือ กระท่อม ที่สามารถนำสรรพคุณมาต่อยอดทำอะไรได้อีกมาก 

 

อนาคต “คุณพี” ยังมองไปถึงการผลิตเครื่องสำอาง และอื่นๆ เพื่อการเดินหน้าไปสู่ Wellness Hub ที่เป็นต้นแบบการทำตลาดสุขภาพ โดยระหว่างนี้ เขายังพยายามสร้างแบรนด์เคนยากุให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความน่าเชื่อถือ และความมั่นคงให้กับธุรกิจในอนาคต 

 

คุณพี” ทิ้งท้ายว่า การตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เป็นความท้าทายที่ไม่สิ้นสุด และที่สำคัญคือ ต้องตอบโจทย์นั้นให้ได้ การสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า จากการสร้างตัวตนของเคนยากุ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ทำให้เกิดการยอมรับได้มากขึ้น 


“เรามองไว้ประมาณ 10 ปีเราจะเดินสู่เป้าหมายการเป็น Wellness Hub โดย 3 ปี เราจะไปสู่ตลาดสมุนไพร และอีก3 ปี ไปเรื่องศูนย์สุขภาพ หรือประทินผิว แต่อะไรก็ไม่แน่นอน ถ้าทุกอย่างไปได้ไว ก็อาจจะ 5-7 ปี ที่จะสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายของเราได้”

 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,750 วันที่ 20 - 22 มกราคม พ.ศ. 2565