เดอะ พิซซ่า คอมปะนี แตกซัพแบรนด์ ไก่ทอด“ชิค-อะ-บูม”เจาะตลาดนิวเจน

21 ธ.ค. 2564 | 16:51 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2564 | 00:43 น.

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ทิ้งทวนส่งท้ายปี แตกซัพแบรนด์ ไก่ทอดอเมริกันสูตรพิเศษ “ชิค-อะ-บูม” ลงแข่งตลาดไก่ทอดหมื่นล้าน พร้อมอัพดีกรี ไดน์ อิน เปิด “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซิกเนเจอร์” ชูไฮไลท์เซอร์วิสระดับโรงแรม 5 ดาว

แม้จะเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปีแต่ความร้อนแรงของสมรภูมิอาหารร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ไม่ได้ลดน้อยลงแต่ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ลุกขึ้นมาพลิกโฉมแบรนด์ใหม่เป็น “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซิกเนเจอร์” พรีเมียมกว่าเดิม

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี แตกซัพแบรนด์ ไก่ทอด“ชิค-อะ-บูม”เจาะตลาดนิวเจน

ทั้งวัตถุดิบและเมนูพิซซ่ากว่า 17 หน้าที่หาทานได้เฉพาะในร้านเท่านั้น พร้อมกับเซอร์วิสระดับโรงแรม 5 ดาว ไฮไลท์โชว์การปรุงพาสต้าในชีสก้อนโต และคลุกสลัดให้ทานกันแบบสดใหม่ พร้อมเบียร์และไวน์คู่มื้ออาหาร รวมไปถึงการแตกซัพแบรนด์ ไก่ทอดอเมริกันสูตรพิเศษ “ชิค-อะ-บูม” ลงแข่งในตลาดไก่ทอดมูลค่า 1.4 หมื่นล้าน พร้อมดึงผู้บริโภคนิวเจนด้วย มิ๊กซ์ซอส 7 สูตรลับ

 

นายภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ   ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า เดอะ พิซซ่า คอมปะนี นอกจากจะเป็นผู้นำตลาดพิซซ่าแล้ว ยังถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำด้านปีกไก่ทอด ทั้งไก่เกาหลี ไก่บาร์บีคิว ดังนั้นเพื่อตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดปีกไก่ทอด (King of Wing) จึงได้เปิดตัวไก่ทอด “ชิค-อะ-บูม” (Chick-A-Boom) ซอส 7 รสชาติ

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี แตกซัพแบรนด์ ไก่ทอด“ชิค-อะ-บูม”เจาะตลาดนิวเจน

เน้นตอบโจทย์พฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มเฟิร์สจ็อบเบอร์ ที่ไม่ชอบความจำเจ และชอบลองอะไรใหม่ รวมไปถึงฐานกลุ่มลูกค้าเดิมของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ให้มีตัวเลือกการทานอาหารที่หลากหลายและอยากที่จะมานั่งทานอาหารในร้านบ่อยขึ้น ซึ่งในอนาคต  “ชิค-อะ-บูม” มีแผนในการขยายสาขาแยกเป็นร้านเฉพาะของตนเอง

ในขณะเดียวกัน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยังได้เดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแบรนด์ในรอบ 21 ปี ด้วยการแตกไลน์ร้าน “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซิกเนเจอร์” ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ที่ยังไม่มีใครทำ เพื่อกระตุ้นยอดขายการรับประทานอาหารแบบ ไดน์ อิน โดยเฉพาะ ด้วยการปรับเปลี่ยนและยกระดับเมนูอาหารใหม่ทั้งหมด ให้เป็นเมนูพรีเมี่ยม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Good Food with Good Friends โดยคัดสรรและออกแบบเมนูอาหารฝรั่งให้มีความพิเศษขึ้น ด้วยการรวมตัวของทั้ง Pizza-Meat-Cheese อร่อยหลากหลายครบมื้อ พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ และการปรุงอาหารด้วยฝีมือขั้นสุด ซึ่งทุกจานปรุงสด ทำให้ได้รสชาติอร่อยกว่าที่เคยสัมผัส 

 

ขณะที่จุดแข็งของแบรนด์ยังคงเป็น พิซซ่า ไฮไลท์เด่นของ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซิกเนเจอร์” จึงเป็นการนำเอาพิซซ่ามาทำให้พิเศษยิ่งขึ้น ด้วยการใช้แป้งสูตรพิเศษ ที่ได้นำตำนานพิซซ่าชนิดแรกในประวัติศาสตร์โลกอย่างนาโปลีพิซซ่า (Napoli Pizza) มาให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับ โดยพิซซ่าชนิดนี้จะมีแป้งที่หอม บาง เนื้อนุ่มหนึบ ขอบมีฟองอากาศหรือ Bubble Crust และมีหน้าใหม่ให้เลือกได้จุใจถึง 17 หน้า โดยแบ่งเป็น13 หน้าใหม่ และ4 หน้ายอดฮิตของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี แตกซัพแบรนด์ ไก่ทอด“ชิค-อะ-บูม”เจาะตลาดนิวเจน

นอกจากนี้ยังมีอีกไฮไลท์เด็ดอย่าง Signature Pasta Show โชว์คลุกพาสต้าในชีสก้อนโต และSignature Salad Show การคลุกสลัดสดๆโชว์พร้อมเสิร์ฟถึง รวมถึงการปรับโฉมและตกแต่งร้านในบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกสบายๆ ทำให้ลูกค้าอยากใช้เวลาร่วมกับคนพิเศษ ไม่ว่าจะสังสรรค์กับเพื่อนหรือครอบครัวโดยสามารถนั่งทานในร้านได้นานขึ้น และอยากกลับมาทานอาหารที่ร้านซ้ำอีกเรื่อยๆ  

 

“หลังจากประเทศไทยได้เริ่มคลายล็อกดาวน์ พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่มองหาการกลับมารับประทานอาหาร ที่ร้านมากขึ้น “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซิกเนเจอร์” จึงเป็นอีกตัวเลือกที่จะมาตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตรงจุด และสอดรับกับ กลยุทธ์การตลาดที่ต้องการกระตุ้นยอดขายจากการทานอาหารแบบ ไดน์ อิน ให้มากขึ้น  โดยเมนูในร้าน “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซิกเนเจอร์” จะไม่มีบริการเดลิเวรี่ และหากได้รับการตอบรับที่ดีมีแผน ที่จะขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต

 

นอกจากนี้ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยังคงมุ่งเน้นเดลิเวอรี่ควบคู่กันไป เนื่องจากมีสัดส่วนการขายที่ใหญ่สุดในประเทศไทย โดยจะมีการพัฒนาเมนูใหม่ออกมาให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวแบรนด์ไก่ทอด “ชิค-อะ-บูม” และ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ซิกเนเจอร์” คาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีและมียอดการเข้ามาใช้บริการสูงขึ้นโดยเฉพาะช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เหมาะกับการมารับประทานอาหารที่ร้านในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุข สนุกสนาน 

 

โดยคาดการณ์ว่ายอดขายจากการทานอาหารแบบ ไดน์ อิน จะสามารถเติบโตอยู่ที่10-15% และอาจต้องรอไตรมาส2-3 กว่ารายได้จะกลับมาเทียบเท่าก่อนหน้าโควิด สำหรับปีหน้าเรามีแผนที่ขยายสาขาเพิ่มเติม 10 สาขาเจาะโลเคชั่นคนเมือง โดยใช้งบลงทุนสาขาละ12ล้านบาท