GTG ดันกัญชง-กัญชาเป็น Main S curve ตั้งเป้าone stop service high-end CBD

นายคริส-กฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการของและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG กล่าวบรรยายในช่วงเสวนาหัวข้อ เสวนา Thai Hub Thai Herb : โอกาสทางธุรกิจ ในงานสัมนา “สมุนไพรไทย สมุนไพรโลก THAI HUB : THAI HERB เปิดโอกาสทางธุรกิจ” ว่า GTG มองเห็นศักยภาพของตลาดกัญชา-กัญชง รวมถึงความต้องการของสินค้า CBD ทั้งในแง่เมดิคอลและนอนเมดิคอลซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายที่เกิดขึ้นในประเทศ GTG จึงเริ่มรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชา-กัญชง โดยเข้าซื้อเมล็ดพันธ์ุสายพันธุ์ที่มีCBD สูงจากยุโรป เพื่อมาวิจัยหาสายพันธุ์ที่มี THC ต่ำ CBD สูงจนจนได้ “สายพันธุ์รักษา” โดยเน้นความเป็นมาตรฐานและความเป็นนานาชาติ เพื่อส่งออกยังยุโรปได้ทั้งนี้ GTG ตั้งเป้ารุกกัญชา กัญชงในอุตสาหกรรมการแพทย์และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเป็นหลัก 

ปัจุบัน GTG มีต้นแม่พันธุ์ที่ปลูกในประเทศไทย ใช้ดินในประเทศไทย และสร้างสาร CBD ได้สูงถึง 16 % และมี THCไม่ถึง 1%  สถานนีต่อไปเป็นเรื่องของการสกัด CBD ที่มีความฟลูสเปกตัมซึ่งมีสารCBDครบตามธรรมชาติและมี THCต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้โดยใช้เทคนิคในการสกัดที่ดูดเอาสาร THCออกทั้งหมดเพื่อรองรับตลาดเกาหลีและญี่ปุ่น

กัญชง- กัญชา เป็น Main S curve ของเรายุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนกัญชง กัญชา ของGTG มาจาก 1 สายพันธุ์รักษาที่เป็นเจเนติก  2 Innovation  การสกัดสารสำคัญ จากเดิมเป็นการสกัดแบบ CO2 ซึ่งในดอกของเรามีสารสำคัญอยู่ 16 % การสกัดแบบ CO2จะดึงสารออกมาได้แค่50% และขายได้แค่8% ปัจจุบันนี้เรามี เทคโนโลยีที่การันตีการนำสารสำคัญออกมาได้ถึง 90%   สุดท้ายก็จะเป็น new value ต่างๆเช่นเทอร์ปีนซึ่งเราก็ได้รับอนุมัติจากอย.เรียบร้อยแล้ว เรามีสารสำคัญทุกอย่างครบ แน่นอนเราก็ต้องผลิตสินค้าจากโรงงานแห่งแรกของเรา ที่ปัจุบันดำเนินการส่งออกกัญชาทางการแพทย์ และโรงงานที่ 2 ของเราที่เชียงรายซึ่งได้มาตรฐาน GAP ,HACCP ,FSSC220 ,GHP เพื่อส่งออกไปยุโรปได้  และเรากำลังสร้างโรงงานในกรุงเทพฯ เพิ่มเพื่อก้าวเป็น one stop service เพื่อทำไฮเอนด์ CBD

“เชื่อว่ากัญชา กัญชงน่าจะพา GTG ไปสู่ตลาดใหม่ๆและช่วยผู้ประกอบการต่างๆสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้ ในอนาคตอันใกล้กัญชา กัญชงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปเรื่อยๆ เราอาจได้เห็นCBDในรูปของ electric consumption และมีความเป็นไปได้ที่ตัว CBD เองจะกลายเป็น high value เป็นสิ่งที่ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศและเราอาจจะได้เห็น hi-end luxury spa cbd ที่โด่งดังไปทั่วโลก"