ปลดล็อก ‘กัญชา-กัญชง’ เอกชนพาเหรด ชิงตลาดไตรมาส 4

05 ก.ย. 2564 | 10:57 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2564 | 17:55 น.
614

เอกชนพาเหรด วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา ป้อนตลาดชิงความได้เปรียบ จับตาไตรมาส 4 รุ่งหรือร่วงหลังปลดล็อก ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม CBD ปิดผนึก

ตลาดกัญชา- กัญชงยังคงเป็นธุรกิจที่อินเทรนด์อยู่ในปัจุบัน ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มทยอยปล่อยสินค้าที่มีส่วนผสมของเทอร์ปีนออกมากระตุ้นตลาดอย่างคึกคักในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แต่อย่างไรหลายฝ่ายคาดการว่ายุคของกัญชา-กัญชง จะเริ่มขึ้นในไตรมาส 4 เมื่อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มปิดผนึกเริ่มทยอยลงสู่ตลาดและจะเป็นตัวชี้วัดว่าผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชาจะรุ่งหรือจะร่วง

 

ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดปริมาณสาร CBD ในผลิตภัณฑ์อาหาร 4 กลุ่ม ได้แก่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food supplements) เฉพาะชนิดเม็ด แคปซูล และของเหลวพร้อมบริโภคเท่านั้น, เครื่องดื่มแต่งกลิ่นรสอัดก๊าซและเครื่องดื่มแต่งกลิ่นรสไม่อัดก๊าซ เฉพาะผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคเท่านั้น

 

ยกเว้นผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกัน ที่มีส่วนประกอบของ ชา กาแฟ และกาเฟอีนทั้งธรรมชาติและสังเคราะห์ และเครื่องดื่มเกลือแร่, เครื่องดื่มจากธัญชาติ (Cereal and grain beverages) เฉพาะผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคเท่านั้น ยกเว้น ชา กาแฟ ชาจากพืช และผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกัน

ปลดล็อก ‘กัญชา-กัญชง’ เอกชนพาเหรด ชิงตลาดไตรมาส 4

โดยกำหนดปริมาณสารแคนนาบิไดออล (CBD) สูงสุดไม่เกิน 75.0 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมและปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) สูงสุด 0.15 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม คาดว่าหลังจากนี้ผู้ประกอบการจะเร่งดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์และทยอยออกสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้

 

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กระแสกัญชา-กัญชงยังคงมีอย่างต่อเนื่องตามตลาดโลกสำหรับประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีประกาศในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่สามารถใส่ส่วนผสมของCBDได้

 

และอนุมัติให้ภาคเอกชนดำเนินการปลูกทั้งในส่วนของกัญชง-กัญชาได้ไม่นาน ดังนั้นคาดว่าจะเริ่มทยอยเห็นสินค้าลงสู่ตลาดในช่วงไตรมาส 4 และต้องลุ้นว่าผู้บริโภคจะตอบรับกับกระแสนี้ขนาดไหน

 

สำหรับเซ็ปเป้ ได้ออกผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มSappe Beauti Drink-Relaxing Calm ซึ่งมีส่วนผสมของกลิ่นเทอร์ปีน รวมทั้งเปิดตัวเครื่องดื่มซีรีย์ใหม่ “มาเพรียวกัญ” ผ่านหน้าร้าน HAVE A sip DAY CAFE by เพรียว และหน้าร้าน All Coco เพื่อ เทสต์ตลาดว่าผู้บริโภคตอบรับกับกระแสกัญชามากน้อยแค่ไหน ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับเป็นอย่างดี

ปิยจิต รักอริยะพงศ์

“ตอนนี้สินค้าที่ขายอยู่ในตลาดทั่วไปยังเป็นแค่กลิ่นเทอร์ปีน ส่วนที่เป็นตัวกัญชาจริงๆยังไม่มีออกมา เพราะช่วงครึ่งปีแรกตามกฎของอย.ยังไม่สามารถใส่ CBD ในสินค้าที่เป็นเครื่องดื่มปิดผนึกได้ เครื่องดื่มที่ทำได้จะเป็นเครื่องดื่มที่ขายตามคาเฟ่เท่านั้น

 

สำหรับเซ็ปเป้มีแผนที่จะปล่อยสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชาลงตลาดในไตรมาส 4 ถ้ากฎหมายรองรับ มีผู้ปลูก มีซัพพลาย CBD ได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในไตรมาสนี้ได้มีการลงนาม MOA โครงการส่งเสริมการปลูกพืชกัญชงกับ บจ.ไทย เฮมพ์ เวลเนส เพื่อเตรียมพร้อมรับเทรนด์กัญชงที่กำลังจะเกิดขึ้น

ปลดล็อก ‘กัญชา-กัญชง’ เอกชนพาเหรด ชิงตลาดไตรมาส 4

ขณะที่โควิดยังมีผลกระทบต่อทุก sector แต่ด้วยระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆเรื่องของการฉีดวัคซีนที่มีมากขึ้น น่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นตัวของ CBD กัญชา-กัญชงก็น่าจะ pick-up ได้ดีขึ้นในครึ่งปีหลังที่มีการฉีดวัคซีนไปแล้วมากๆ แล้ว”

 

ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีความคืบหน้าของการอนุญาตผลิตภัณฑ์กัญชง ซึ่งทยอยออกกฎหมายออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

 

โดยปัจจุบันปลดล็อคกฎหมายในการนำส่วนของกัญชงยกเว้นในส่วนของยอดหรือช่อดอกกัญชง ให้สามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารบางประเภท รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมได้แล้ว ซึ่งน่าจะส่งผลให้ตลาดเริ่มพัฒนาสินค้าประเภทอาหารเกี่ยวกับเมล็ดกัญชงที่มีความหลายหลาย

 

เชื่อว่าหลายๆ บริษัทจะเริ่มออกผลิตภัณฑ์กัญชงในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้และช่วยกระตุ้นกระแสความต้องการ และทดลองสินค้าประเภทใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผู้บริโภคเฝ้าจับตารอ โดยเซ็กเมนต์ที่มีความน่าสนใจมากที่สุดคือกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม

ปลดล็อก ‘กัญชา-กัญชง’ เอกชนพาเหรด ชิงตลาดไตรมาส 4
 

ซึ่งมีส่วนผสมของกัญชงมีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลาย และบำรุงร่างกายในด้านอื่นๆ เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสูงสุด จากความนิยมในต่างประเทศที่เริ่มเปิดเสรีตั้งแต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

 

สำหรับอาร์เอสมีแผนจะผลิตสินค้าในกลุ่มกัญชา-กัญชงออกเป็นกลุ่มแรกของตลาดเพื่อสร้างความได้เปรียบ โดยปัจจุบันได้เตรียมพัฒนาสินค้าทั้งประเภท เครื่องดื่ม และอาหารเสริมไว้กว่า 8 SKUs โดย RS กำลังจะเข้าลงทุนใน “Specialty Group” ซึ่งเชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิต เครื่องสำอาง อาหารเสริม สมุนไพรและยาแผนโบราณ พร้อมทั้งถือใบอนุญาตผลิตผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชาด้วย

วิทวัส เวชชบุษกร

 

โดยผลิตภัณฑ์รายการแรกจะเริ่มวางจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ คือผลิตภัณฑ์ Hemp seed oil (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จากน้ำมันเมล็ดกัญชง) นอกจากนี้ ในปีหน้าก็จะมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงอื่นๆ อาทิ เครื่องดื่มที่มีสารสกัดจากกัญชง และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสาร CBD รวมทั้งกาแฟสำเร็จรูป ออกมาวางจำหน่ายตามช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

 

“อาร์เอสถือเป็นผู้ผลิตปลายน้ำรายเดียวที่เข้าถึงทั้งแหล่งวัตถุดิบและ License สำหรับการสกัดและผลิตผ่านการลงทุนใน Specialty group โดยผลิตภัณฑ์แรกจะเป็นตัวอาหารเสริมที่ส่วนประกอบของ Hemp Seed Oil ที่จะออกวางจำหน่ายได้ในไตรมาส 4/2564

 

นอกจากนี้ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการขอใบอนุญาตเพิ่มเติม คือ ใบอนุญาตสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆและเครื่องดื่ม ซึ่งเราคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในเร็วๆนี้ และใบอนุญาตสกัดผลิตสารสกัดกัญชงซึ่งดำเนินการโดย Specialty group คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในต้นปีหน้า”

 

ขณะที่นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP  หนึ่งในผู้ผลิตยา สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรายใหญ่ กล่าวว่า กัญชา กัญชง ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตทั่วโลก และไทยถือเป็นฐานการปลูกที่มีศักยภาพทั้งด้านการปลูก และการสกัด ซึ่งเจพีเองจะโฟกัสให้มีการพัฒนาและเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

 

ปัจจุบันบริษัทร่วมกับพันธมิตรหลายหน่วยงานทั้งสถาบันการศึกษาและอื่นๆ ในการศึกษาและพัฒนา ซึ่งพบว่ามีความคืบหน้า ทั้งในด้านผู้ปลูกที่ต้องได้รับใบอนุญาต ในส่วนของบริษัทอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตสกัด เพื่อนำไปทำยา สมุนไพร โดยจะโฟกัสการทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ

 

“บริษัทร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการวิจัย พัฒนาทั้งกระบวนการสกัด ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ มีการร่วมกันวางเลย์เอาท์โครงสร้างโรงงานคู่ขนานกันไป แต่ระยะเวลาว่าจะยื่นใบอนุญาตวันใด หรือได้ใบอนุญาตวันใด ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่กำกับดูแล ซึ่งปัจจุบันเป็นการทำงานแบบ work from home”

 

หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,710 วันที่ 2 - 4 กันยายน พ.ศ. 2564