ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่

29 ส.ค. 2564 | 14:10 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2564 | 02:55 น.
20.8 k

กพท.ออกประกาศไฟเขียวสายการบินกลับมาเปิดบินเข้า-ออกพื้นที่สีแดงเข้มเฉพาะการเดินทางที่จำเป็นเท่านั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไข14 ข้อ เช็คได้ที่นี่

วันนี้(29สิงหาคม2564)นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)หรือ CAAT ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 5) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

1.ให้ยกเลิก

(1)ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 3) ประกาศ ณ วันที่ 18กรกฎาคม พ.ศ.2564

 

(2)ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 4) ประกาศ ณ วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2564

2. ประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 5) โดยให้ประกาศนี้ให้ใช้บังคับแก่เที่ยวบินภายในประเทศ (Domestic Flight) ที่ให้บริการผู้โดยสาร (Passenger Flight) เท่านั้น ทั้งนี้ไม่รวมถึงเที่ยวบินของอากาศยานส่วนบุคคล

ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่

 

3. ห้ามมิให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารออกจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) เว้นแต่เป็นเที่ยวบินดังต่อไปนี้

 

(1) เป็นเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) หรือ

 

(2) เป็นเที่ยวบินที่ขอลงฉุกเฉิน (Emergency Landing) หรือขอลงทางเทคนิค (TechnicalLanding) โดยไม่มีผู้โดยสารลงจากเครื่อง หรือ

(3) เป็นเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารที่มีความจำเป็นโดยผู้โดยสารนั้นจะต้องดำเนินการตามเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ในเงื่อนไขการเดินทางเข้า/ออกของจังหวัดจุดหมายปลายทาง โดยมีเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีนครบเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ และ/หรือมีเอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR หรือ Antigen Test Kit (ATK) หรือเอกสารที่แสดงถึงการเป็นผู้ได้รับการยกเว้นตามมาตรการอื่นของจังหวัดจุดหมายปลายทาง เช่น มีเอกสารรับรองว่าเป็นผู้เคยติดเชื้อมาไม่เกิน 90 วัน หรือ มีเอกสารรับรอง

 

ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่

 

4.ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริการผู้โดยสารในห้วงเวลานี้ ปฏิบัติดังนี้ (ทั้งนี้ ไม่รวมเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) ตาม ข้อ 3 (1)

 

  •  ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศจำกัดการปฏิบัติการบินในระหว่างช่วงเวลา21.00-04.00 น. เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้โดยสารในการเดินทางระหว่างสนามบินและที่พัก และสอดคล้องกับการบริการขนส่งสาธารณะประเภทอื่นที่ดำเนินตามข้อกำหนดและข้อปฏิบัติเดียวกัน

 

  • ให้มีจำนวนผู้โดยสารได้ไม่เกินร้อยละ75  ของขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารของอากาศยานที่ใช้ในเที่ยวบินนั้น ๆ และให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศพิจารณาการจัดที่นั่งในเครื่องบินอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัด อันจะมีส่วนช่วยในการป้องกันควบคุมโรค ในกรณีที่ผู้โดยสารเดินทางมาด้วยกันสามารถให้นั่งด้วยกันได้

 

  • ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศทำการประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการเข้า/ออกของจังหวัดปลายทาง รวมถึงการแจ้งความจำเป็นในการเดินทางผ่านเว็บไซต์ https://covid-19. in.th/ ก่อนการเดินทาง

 

  •  ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันโรคของจังหวัดปลายทางอย่างเคร่งครัด ในกรณีการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว(Sandbox) ไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นผู้โดยสารที่เข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้โครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) ให้ตรวจสอบหลักฐานการพำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักรหรือเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร

 

หากเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ผู้โดยสารอาจถูกปฏิเสธการเดินทางได้ โดยเงื่อนไขการเดินทางเข้า/ออกและมาตรการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัดสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ที่ https://www.moicovid.com/

 

  • ในระหว่างการปฏิบัติการบิน ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศติดตามดูแลมิให้ผู้โดยสาร รับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ยกเว้น ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็น ลูกเรืออาจพิจารณาจัดน้ำดื่มให้บริการแก่ผู้โดยสารได้ ทั้งนี้ ให้กระทำในพื้นที่ที่ห่างจากผู้โดยสารคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

 

  • ให้ผู้ดำเนินการสนามบินจัดระบบเส้นทางเดินของผู้โดยสาร และการรับกระเป๋า และอำนวยความสะดวกต่อหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อสามารถทำงานได้ตามมาตรการของจังหวัดปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่

 

5. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดให้บุคลากรด่านหน้าที่ให้บริการผู้โดยสารได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด - 19 ทุกสัปดาห์

 

6. ก่อนเข้าพื้นที่ท่าอากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการสนามบินทำการตรวจคัดกรองบุคคลที่เข้ามาใช้บริการในท่าอากาศยานอย่างเข้มงวด โดยต้องมีการตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Body Temperature Screening) ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัด (Non-contact Infrared Thermometer) หากบุคคลนั้นไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หรือวัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส หรือมีอาการ ระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบให้ปฏิเสธการให้เข้าพื้นที่ท่าอากาศยาน

 

7. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินควบคุมการดำเนินการตามมาตรฐานสาธารสุข เช่นการเว้นระยะห่างการจัดแอลกอร์ฮอลเจลให้ผู้โดยสารล้างก่อนขึ้นอากาศยาน ทำความสะอาดห้องน้ำอย่างต่อเนื่อง และให้ผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตร์การสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามให้ผู้ใช้บริการออกจาพื้นที่

 

8.กำหนดให้รถลำเลียงผู้โดยสารไป-กลับระหว่างอาคารผู้โดยสารและอากาศยาน (Shuttle bus)สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ไม่เกิน 50 คน ต่อคัน โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน ทั้งนี้ให้ทำความสะอาดพื้นผิวและอุปกรณ์ที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ ทั้งก่อนและหลังการให้บริการ

 

9.ให้ผู้ดำเนินการสายการบินเก็บข้อมูลผู้โดยสารไว้อย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้สามารถบ่งชี้ถึงผู้โดยสารที่อาจเป็นผู้สัมผัสเสียงสูง รวมถึงข้อมูลเพื่อใช้ในการติดต่อ และให้นำส่งข้อมูลตามที่หน่วยงาน

 

10.ให้ผู้ดำเนินการสนามบินติดตามดูแลให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ทำอากาศยานปฏิบัติตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)(ศบค.) โดยเคร่งครัด

 

11. ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบินและการรวมเที่ยวบิน ให้มีการแจ้งและดูแลผู้โดยสารอย่างเหมาะสม ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง การคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินของไทยในเส้นทางบินประจำภายในประเทศ พ.ศ.2553

 

12. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งเตือนผู้โดยสารกรณีเป็นผู้ป่วยยืนยันหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้งดการเดินทาง หากผ่าฝืนอาจได้รับโทษตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558

 

13. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามดูแลให้ประชาชนผู้มาใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการในระเบียบสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวปฏิบัติในการให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) พ.ศ. 2564 ประกาศ ณ วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564

 

14. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดเตรียมเอกสารรับรองความจำเป็นให้กับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานขนส่งสาธารณะในสังกัดของตนซึ่งได้รับยกเว้นเพื่อใช้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หากมีการตรวจสอบ ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไปหรือมีประกาศอื่นใดเพิ่มเติม

 

ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่ ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่ ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่ ด่วน ! กพท.ออกประกาศ14เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์บินในประเทศแล้ว เช็คได้ที่นี่

 

สาระสำคัญของประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 5) คือการผ่อนคลายให้สายการบินกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศได้ทุก เส้นทาง รวมถึงจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

 

โดยจะอนุญาตให้สายการบินเปิดขายตั๋วโดยสารได้ 75% ของ Capacity  เป็นเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารที่มีความจำเป็น โดยให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารหลักฐานสำคัญของผู้โดยสารดังนี้ ใน 3 ข้อหลัก ได้แก่

 

  • เอกสารการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการเดินทางเข้าออกของจังหวัดจุดหมายปลายทางหรือ
  • เอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด–19โดยวิธีRT-PCRหรือAntigen TestKit (ATK)ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการเดินทางเข้าออกของจังหวัดจุดหมายปลายทางหรือ
  • เอกสารที่แสดงถึงการได้รับการยกเว้นจากมาตรการอื่นของจังหวัดในจุดหมายปลายทางเช่น ผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วไม่เกิน90วันผู้ผ่านการกักตัวแล้วหรือผู้โดยสารตามโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ(Sandbox) เป็นต้น

 

 

 

สำหรับเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีน ให้แสดงผลการฉีดวัคซีนที่ได้รับจากโรงพยาบาลหรืออาจใช้หลักฐานจากแอปพลิเคชันหมอพร้อมเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนผู้ที่ต้องการตรวจหาการติดเชื้อ สามารถค้นหาสถานที่ตรวจได้จากเว็บไซต์ https://service.dmsc.moph.go.th/labscovid19/ ซึ่งจะมีรายชื่อห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองและสามารถออกเอกสารที่สายการบินยอมรับ ซึ่งปัจจุบันสมาคมสายการบินกำลังดำเนินการร่วมกับผู้จัดทำแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อให้สามารถแสดงหลักฐานการดำเนินการทั้งหมดบนแอปพลิเคชัน หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะสามารถนำมาใช้ประกอบการเดินทางได้

 

กรณีใช้รถบัสบริการส่งผู้โดยสารจาก อาคารไปยัง -เครื่อง - มายังอาคาร ให้บรรทุกได้ไม่เกิน 50%งดจำหน่วยอาหารเครื่องดื่มบนเครื่อง ( ให้สามารถขาย Onlineได้ และรับอาหารกลับไปทานที่บ้านได้ ) รวมถึงให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศทำการประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการเข้า/ออกของจังหวัดปลายทาง รวมถึงการแจ้งความจำเป็นในการเดินทางผ่านเว็บไซต์ https://covid-19.in.th/ก่อนการเดินทาง

 

นอกจากนี้กพท.ยังหารือกับสายการบินเพื่อให้ทัมีข้อปฏิบัติดังนี้ พนักงาน นักบิน ลูกเรือ จะต้องเป็นผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และมีผลตรวจ ATK ซึ่งในช่วงแรกเดือน กันยายน64 จะเป็นการขอความร่วมมือและในเดือนตุลาคม 64 จะเข้มงวดและประกาศใช้ 100% อีกทั้งมาตรการต่างๆจะมีการประเมินเพื่อปรับมาตรการ ปฏิบัติอีกครั้งในเดือนตุลาคม