จบทุกดราม่า ฟังคำต่อคำ รพ.ปิยะเวท VS ณวัฒน์ ถูกไล่ออกจาก รพ.จริงไหม

23 ก.ค. 2564 | 17:47 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2564 | 03:10 น.
5.2 k

เจาะลึกชัดๆ คำต่อต่อคำ รพ.ปิยะเวท VS ณวัฒน์ เคลีย์ปมดราม่าถูกไล่ออก รพ. ทั้งที่อาการหนัก เผยควักกระเป๋าจ่ายค่ารักษาเอง ส่วนหมอโดนไล่ออกหลังโซเชียลถล่มยับ สุดท้ายจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่?

จากกรณี ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ไลฟ์สุดเดือด ขณะกำลังสวมท่อออกซิเจนว่ามีแพทย์ท่านหนึ่งโทรศัพท์มาไล่ออกจากโรงพยาบาลทั้ง ๆ ที่ยังไม่ครบกำหนดรักษาเลย ยายังได้ไม่ครบโดส และจ่ายเงินเองทุกอย่างไม่ได้มี ทางรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด และจะให้คนมาติดกล้องวงจรปิดภายในห้อง

 

จนก่อกะแสวิพากษ์วิจารย์บนโซเชียลมีเดียอย่างร้อนแรง และมีกะแสข่าวออกมาต่อเนื่องอาทิเช่น อ้าง ณวัฒน์ครองเตียงผู้ป่วย 20 วันทั้งที่อาการดีขึ้นแต่ไม่ยอมกลับบ้าน  และได้นำอุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆเข้าทำกิจกรรมขณะรักษาตัว รวมทั้งกะแสข่าวการไล่แพทย์ที่โทรคุยกับ ณวัฒน์ ออกจากรพ.

 

ล่าสุดนายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะผู้บริหารตั้งโต๊ะ แถลงข่าว ถึงกรณีดราม่าดังกล่าวพร้อมตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นต่าง ดังนี้ 

 

นายแพทย์วิทิต: สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นกระแสข่าวของโซเชียล กรณีของการรักษาการเจ็บป่วยของคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ซึ่งก็ได้เข้ามาพักรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 จากการป่วยติดเชื้อโควิด ทางโรงพยาบาลได้รับตัวไว้รักษาตลอดช่วงเวลาเกือบ 20 วันกว่าที่ผ่านมาเนื่องจากอาการเจ็บป่วยนั้นมีบางช่วงเป็นการป่วยที่ค่อนข้างรุนแรง และก็ทางคณะแพทย์ของเราก็ได้และคณะพยาบาลช่วยกันดูแลรักษาจนอาการดีขึ้นตามลำดับ 

 

 

ด้วยเหตุผลของภาวะโรคระบาดที่อยู่ภายนอก ในกรุงเทพมหานครทวีความรุนแรงขึ้น ความจำเป็นที่จะต้องใช้เตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลนั้นก็มีความขาดแคลน เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมากที่รอจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะหลังนั้นผู้ป่วยจะเป็นผู้ที่มีอายุมากหรือเป็นผู้สูงอายุสูงสุดถึง 90 ปี นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ที่ตั้งครรภ์ รวมทั้งเด็กเล็กด้วย

 

 

เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าทุกโรงพยาบาลในกรุงเทพฯก็ประสบภาวะเดียวกัน ทางฝ่ายบริหารของเราจึงได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ป่วยทุกท่านที่มีอาการดีขึ้น ทุกท่านเลยนะครับไม่ได้เลือกปฏิบัติใคร ว่าถ้ามีความพร้อมที่จะกลับไปพักที่ Hospitel ของปิยะเวทซึ่งมีถึง 2500 เตียงตามโรงแรมต่างๆที่เราได้ไปร่วมมือกับทางโรงแรมไว้ เราก็ยินดีที่ให้กลับไปพักฟื้นพักผ่อนที่นั่น

 

 

หรือที่บ้านเราก็มีโครงการที่ร่วมกับ สปสช. และอีกหลายๆหน่วยงานที่ทำเรื่องของ Home Isolation หรือ community isolation ก็มีหลายทางเลือก ด้วยการสื่อสารที่อาจจะทำให้การเข้าใจคลาดเคลื่อนทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่ายรองผู้อำนวยการของเรา กับคนไข้เองก็เลยเกิดเรื่องที่เป็นไปตามกระแสข่าวที่เราได้รับทราบรับฟังในช่วงวันสองวันนี้

 

 

อย่างไรก็ดีก็ผมก็อยากจะเรียนผู้สื่อข่าวทุกท่านนะครับแล้วก็เรียนพี่น้องประชาชนที่ให้การสนใจติดตามข่าวนี้นะครับ หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันระหว่างรองผู้อำนวยการซึ่งดูแลการบริหารของโรงพยาบาลด้านนี้อยู่ จนถึงเมื่อวานนี้เราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร  คุณณวัฒน์ก็ได้พักรักษาในโรงพยาบาลเหมือนปกติ คณะแพทย์ก็ชุดเดิม  การรักษาเหมือนเดิมทุกประการ

 

 

แต่เมื่อคืนนี้เวลาประมาณ 22:00 น. ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณณวัฒน์ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับผมในลักษณะที่ท่านอยากจะขออนุญาตกลับไปพักที่บ้าน นี่เป็นความสมัครใจที่จะขอกลับบ้าน ผมก็อนุญาตเพราะว่าเราก็ได้ดูประวัติการรักษาอะไรต่างๆ คิดว่าพอจะพักฟื้นที่บ้านได้ โดยเราได้มอบหมายให้แพทย์ที่ดูแลอยู่ประจำใช้ เทเลเมดิซีน หรือโทรเข้าไปนะครับติดตามสุขภาพต่างๆติดตามสภาวะของคุณณวัฒน์อยู่ 

 

ก็สรุปว่าคุณณวัฒน์ได้ขออนุญาตกลับบ้านไปพักผ่อนที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยโดยได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลในเมื่อเช้าตรู่วันนี้ อันนี้ก็เป็นเรื่องราวที่เราคิดว่าทั้งสองฝ่ายก็ได้ปรึกษาพูดคุย แล้วก็เราจะดูแลต่อเนื่องต่อไป 

 

ส่วนด้านผู้บริหารรองผู้อำนวยการนายแพทย์วิชัยในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ ความจริงก็ทุกคนนะแพทย์พยาบาลทุกที่เราเหนื่อยกับโควิดมาเป็นปีพอมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่สบายใจก็ขอพักร้อนไประยะนึง แล้วก็คงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม  เรายังมีภารกิจที่ต้องต่อสู้กับโควิดนี้ไปข้างหน้าอีกนานพอสมควร และก็มีอีกหลายเรื่องที่เราต้องช่วยกัน เพราะฉะนั้นก็เรื่องของคุณณวัฒน์เนี่ยก็ถือว่าได้รักษาเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ครับ แล้วก็ได้กลับบ้านตามคำร้องขอเป็นที่เรียบร้อย

 

นอกจากนี้ นายแพทย์วิทิต ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆดังนี้

สื่อมวลชน: คุณณวัฒน์ออกจากรพ.เมื่อไหร่

นายแพทย์วิทิต:  คุณณวัฒน์ได้ออกไปเมื่อเช้าตรู่วันนี้ เจ้าหน้าที่ที่วอร์ดก็ทราบครับว่าคุณณวัฒน์จะออกแต่ที่สำคัญก็คือได้โทรคุยกับผมเรียบร้อยที่จะขออนุญาตออกจากรพ. ช่วง 4 ทุ่มที่โทรคุยกับผมนั้นก็ไม่ได้กำหนดเวลาว่าท่านจะออกเมื่อไหร่ คงตัดสินใจตอนเช้าว่าจะออกแต่เช้า ทางนี้ก็ได้อนุญาตให้กลับครับ

สื่อมวลชน:  เรียกว่าหนีออกรพ.ได้ไหม

นายแพทย์วิทิต: อันนี้ไม่เรียกว่าหนีนะครับ เพราะว่าได้ขออนุญาตผมถูกต้องครับ

 

สื่อมวลชน: ทราบไหมว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปเสียง

นายแพทย์วิทิต: ต้องเรียนตามตรงเลยว่าผมไม่ทราบว่าใครไปปล่อยคลิปข่าวคลิปเสียง  ทางโรงพยาบาลไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้ครับ เพราะคลิปเสียงก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล แล้วก็คลิปเสียงนี้ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนปล่อย

 

สื่อมวลชน:  แล้วในกรณีของคุณณวัฒน์มันถึงขั้นต้องให้รองผู้อำนวยการมาชี้แจงในการขอออกหรือเข้าโรงพยาบาลเองเลยหรอครับ ไม่ให้ทางแพทย์ที่ดูแลรักษาไปแข้งเขาหรอครับ

นายแพทย์วิทิต:   เนื่องจากเราแบ่งหน้าที่กัน  เนื่องจากที่เราจะแจ้งร้องขอความร่วมมือเรามีคนไข้จำนวนเยอะ แพทย์ที่รักษาเขาก็รับทราบนโยบายของโรงพยาบาลคือโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลไม่ว่ารัฐหรือเอกชน เมื่อคนไข้ดีขึ้นและก็จำนวนเตียงผู้ป่วยที่ล้นแบบเนี่ย ทุกคนก็จะขอความร่วมมือ ทุกที่ครับนี่เป็นปกติ

 

สื่อมวลชน:  คนไข้ที่ตกค้างที่ยังไม่ได้เตียงในช่วงเวลาที่คุณณวัฒน์ยังอยู่ เหลือประมาณสักกี่เตียงที่ยังรอเข้าคิวมา

นายแพทย์วิทิต:  ให้เห็นภาพชัดๆ ขณะนี้คนไข้โควิดที่ติดเชื้อมี 3 ระดับ เขียวหรืออาการน้อย เหลืองก็ปานกลาง แดงก็อาการมาก แดงนี่คือต้องเข้าถึงขั้น icu เลย ขณะนี้สีเขียวที่ปิยะเวทเราดูแลอยู่ประมาณวันละ 2000 กว่าคนที่นอนอยู่ตาม Hospitel อย่างเมื่อวานนี้ 2570 คน คนเหล่านี้เนี่ยบางคนก็อายุเยอะนะครับอาการแย่ลงกลายเป็นสีเหลือง เพราะงั้นบางวันมีคนที่อยากจะเข้ามารักษาในโรงพยาบาลเนี่ยที่เป็นสีเหลืองวันนึงมากกว่า 20 คน จะเห็นรถพยาบาลวิ่งเข้าออกทั้งวัน

 

สื่อมวลชน: มีการติดกล้องวงจรปิดในห้องพักคนไข้จริงไหม

นายแพทย์วิทิต: เรียนว่าแพทย์อยากจะร้องขอในคนไข้ที่เราดูแลอยู่หรือเรากังวลว่าอาการจะมีการเปลี่ยนแปลง อันนี้ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลด้วยส่วนหนึ่ง แต่จริงๆแล้วด้วยโรคโควิดที่มีความรุนแรงในการระบาดค่อนข้างแรง เพราะฉะนั้นเราจะอาศัยกล้องวงจรปิดในบางกรณี ในบางช่วงที่เราอยากจะร้องขอให้คนไข้ให้ความร่วมมือเพื่อเราจะได้ไม่ต้องใส่ชุด ppe เข้าๆออกๆตลอดเวลาครับ

 

สื่อมวลชน: ได้ขอความร่วมมือในการเปิดกล้องวงจรปิดไหมครับ

นายแพทย์วิทิต:  ในกรณีที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือ ที่ผ่านมาหมายถึงตั้งแต่รักษามาเนี่ย ก็เปิดๆปิดๆ แล้วแต่ที่แพทย์กับคนไข้ร้องขอกัน

 

สื่อมวลชน: ในโซเซียลเยอะ ตัวของคุณณวัฒน์มีการใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับการรักษาจนถึงวันสุดท้าย คือเมื่อวานเลยหรือเปล่า

 

นายแพทย์วิทิต:  คือคำว่าเครื่องช่วยหายใจ หมายถึงว่าถ้าถึงขั้นใส่ท่อช่วยหายใจแล้วก็มีเครื่องที่เรียกว่า Ventilator ก็ไม่ถึงไม่ถึงขั้นนั้นนะครับ แต่ว่าเมื่ออาการที่แย่ลงนั้นก็ใช้เครื่องที่ช่วยให้หายใจเพื่อให้ได้ออกซิเจนมากขึ้น คุณณวัฒน์เองก็จะบางครั้งก็ใส่ บางครั้งก็ไม่ได้ใส่ แล้วแต่เหนื่อยหรือมีการออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมอะไรหรือเปล่าในห้องนะครับ

 

สื่อมวลชน:  ตัวของเขาอ้างว่าอาการของเขายังไม่ดีขึ้น ยังไม่สามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ หมอใช้วิธีในการประเมินยังไงที่บอกว่าคนไข้คนนี้สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว

นายแพทย์วิทิต: เราก็มีการวัดออกซิเจน ความเข้มข้นออกซิเจนที่ปลายนิ้ว เมื่อเห็นว่าค่า ออกซิเจน (แซส)  สูงพอที่จะสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อ หรือ Hospitel ได้ ด้วยค่าที่มันสูงขึ้นมากว่าเดิมเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับ 100% นะครับต้องเรียนก่อนนะครับอันนี้เราก็แจ้งให้ทราบว่าก็ปลอดภัยแต่ว่าไม่ถึงกับเหมือนคนทั่วไปที่ 100% 

 

สื่อมวลชน:  มันยังเป็นค่อนข้างประเด็นที่ใช้ในการโจมตี ว่าตัวของคุณณวัฒน์เวลาพูดยังเหนื่อยหอบ ยังใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ทำไมหมอสั่งให้กลับบ้านได้แล้ว

นายแพทย์วิทิต: ที่คำว่าเครื่องช่วยอันนี้คือเป็นออกซิเจน(แมส)ธรรมดา หมายถึงครอบแล้วมีออกซิเจนเข้าไปจะไม่ใช่เครื่องช่วยแบบที่ใส่ท่อเข้าไป เหมือนคนไข้ใน icu นะครับเพราะฉะนั้นอันนี้เขาสามารถที่จะบางครั้งใส่ บางครั้งถอด แล้วแต่ถ้ามีกิจกรรมอะไรต่างๆไม่ว่าพูดนานๆหรือว่าออกกำลังกายอย่างนี้นะครับ ก็ช่วงพักฟื้นก็มีโอกาสที่จะมีอาการแสดงเหมือนเหนื่อยออกมา

สื่อมวลชน:  ค่ารักษาของคุณณวัฒน์ตรงนี้คือเราจะโอนไปทางสปสช. หรือว่าจะเป็นในส่วนของที่คุณณวัฒน์อาจจะมีการรักษาจ่ายเองบ้าง

 

นายแพทย์วิทิต:  ตรงนี้ก็เป็นเรื่องของที่คุณณวัฒน์ก็มีหลักประกันอยู่หลายอย่าง มีทั้งประกันเอกชน มีทั้ง สปสช. โดยกฎหมายแล้วคนไทยที่ติดเชื้อโควิดในขณะนี้  สิทธิพื้นฐานสปสช.ก็ดูแลให้ทุกคน  แต่ถ้าใครมีหลักประกันเอกชนที่มีหลักประกันสุขภาพ เขาก็สามารถเบิกได้ก่อนครับ

 

สื่อมวลชน:คุณณวัฒน์จ่ายเองหรือว่าใช้สิทธิ์เบิกสปสช.

นายแพทย์วิทิต:   ตอนนี้ทางฝ่ายบัญชีที่เขาตั้งเบิกบริษัทประกันเป็นเริ่มต้นก่อนถ้าเมื่อสิทธิ์ประกันไม่พอ เราถึงจะไปเบิกของ สปสช. อันนี้ก็ถือปฏิบัติกับทุกคน

 

สื่อมวลชน: มีกระแสจากโซเซียลว่าคุณณวัฒน์มีการขนเครื่องกำลังกายมาไว้ที่ห้องพักด้วย ข้อเท็จจริงเป็นยังไงครับ

นายแพทย์วิทิต:  ก็เป็นเครื่องใช้ทั่วไปธรรมดาไม่ได้เป็นระบบอะไรใหญ่ๆเท่าที่ผมทราบนะครับ

 

สื่อมวลชน: เครื่องใช้ที่ว่าคือเครื่องใช้ประเภทไหนครับ ดัมเบล หรือว่าอะไร

นายแพทย์วิทิต: อันนี้ผมขออนุญาตเรียนว่าผมไม่ได้เก็บรายละเอียดขนาดนั้นแต่ว่าด้วยขนาดของห้องพักเนี่ยนะครับ จะใส่เครื่องอะไรใหญ่ๆไม่น่าจะใส่ได้นะครับ ผมก็ไม่แน่ใจแต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องแบบอะไรที่ออกกำลังกายเล็กๆ อันนี้ขอไม่ตอบดีกว่า เพราะว่าผมไม่ทราบ

 

สื่อมวลชน:  สิ่งที่คุณณวัฒน์ไลฟ์มาตลอดมันทำให้โรงพยาบาลเสียหายไหมหรือการพิจารณาที่จะดำเนินคดีกับคุณณวัฒน์ไหมครับ

นายแพทย์วิทิต: คือผมคิดว่านโยบายของโรงพยาบาล เราดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ  ผมคิดว่าทุกคนที่ไม่สบายจิตใจอาจจะหงุดหงิด อาจจะไม่พร้อมที่จะสื่อสารอะไรเต็ม 100 หมายความว่าอาจจะมีจิตใจที่ยังไม่สบายใจ เวลาไม่สบายตัวก็จะไม่สบายใจไปด้วยนะครับ อันนี้ทางโรงพยาบาลคงไม่ได้คิดจะดำเนินคดีหรือเรียกร้องใดๆครับ

 

สื่อมวลชน: ระหว่างรักษาเราสามารถไลฟ์ได้ไหม มีกฎข้อห้ามอะไรบ้าง

นายแพทย์วิทิต: เราไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปในโรงพยาบาลเป็นกฎทั่วไป แต่ในห้องส่วนตัวแล้วคนไข้จะ Facebookไลฟ์ หรืออะไรต่างๆ ก็เรียนตรงๆว่าโรงพยาบาลไม่เคยออกกฎห้ามอย่างนั้นโดยตรง แต่จริงๆแล้วการพาดพิงองค์กรหรือพาดพิงบุคคลที่ 3 ยังไงเจ้าตัวต้องรับผิดชอบในส่วนนั้นครับ

 

สื่อมวลชน:  จะมีการดำเนินการอะไรกับทางคุณณวัฒน์ไหมในการใช้สิทธิ์พาดพิง

นายแพทย์วิทิต:  ทางโรงพยาบาลก็พยายามที่จะหาทางให้เรื่องเหล่านี้จบลงด้วยดี เช่นวันนี้ เราก็มาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง คนไข้ก็ได้กลับบ้านเป็นที่เรียบร้อย เราก็มอบหมายให้แพทย์ติดตามเรื่องของสุขภาพต่อไปด้วยความห่วงใย แต่เรื่องของกรณีความขัดแย้งเหล่านี้ เช่น คุณหมอวิชัยอาจจะถูกพาดพิงอย่างที่พวกเราทราบในสื่อ อันนั้นก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของคุณหมอวิชัยที่จะตัดสินใจเองนะครับ ว่าจะดำเนินการอะไรหรือไม่

 

สื่อมวลชน:   เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยไหม

นายแพทย์วิทิต:  ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ ต้องบอกก่อนว่าในโรงพยาบาลบ่อยครั้งที่คนไข้ ยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อม ไม่พร้อมจะด้วยเรื่องกาย จิตใจหรือที่บ้านไม่พร้อมจะด้วยเหตุผลใด คนไข้ก็มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าไม่พร้อม มีครับมีเป็นเรื่องธรรมดาทุกโรงพยาบาล

 

สื่อมวลชน: ในโซเชียลมีการมีข่าวลือในโซเชียลว่าทางโรงพยาบาลได้ไล่คุณหมอออก ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

นายแพทย์วิทิต: ไม่ได้ไล่ครับ เมื่อมีความขัดแย้งบ่อยครั้ง เราต้องการให้แพทย์หลีกเลี่ยงจากความไม่สบายใจ คือแพทย์ก็คงคล้ายหลายๆอาชีพ เมื่อมีความไม่สบายใจ สมาธิของการทำงานมันจะมีปัญหาเราก็มักจะให้แพทย์พักก่อน

 

สื่อมวลชน: ทางรพ.มีการดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงหรือไม่

นายแพทย์วิทิต:  จริงๆเราก็สอบหาข้อเท็จจริงภายในอยู่แล้ว อย่างเช่นเมื่อวานที่ กรม สบส.แถลงข่าว นิติกรของกรมก็ดี ท่านอธิบดีก็ดีก็โทรมาแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยตัวท่านเอง ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร แล้วก็ขอดูประวัติการรักษาว่าทางโรงพยาบาลได้ทำอะไรที่เป็นการละเมิดหรือเปล่า สิทธิ์ของคนไข้ คนไข้มีสิทธิ์

 

สื่อมวลชน:  หมอได้มีการโทรคุยด้วยน้ำเสียงข่มขู่หรือเชิงไล่จริงไหม

นายแพทย์วิทิต:  อันดับแรกก็ผมก็ได้ฟังเหมือนกันนะครับ ผมก็ว่าคุณหมอก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ร้องขอความร่วมมือ ไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่เป็นการข่มขู่หรืออะไรนะครับ หรือใช้อำนาจ หรืออะไร อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ผมคิดว่าก็ได้ทำหน้าที่ของแพทย์ที่สมบูรณ์ทั่วๆไป

 

สื่อมวลชน: หลังจากนี้จะมีการดำเนินการอะไรไหม

นายแพทย์วิทิต: เราคงไม่ติดใจเรื่องนั้นนะครับ เพียงแต่ก็เป็นบทเรียนอุทาหรณ์ให้กับพวกผมเองนะครับ ว่าเรื่องการสื่อสารในประเด็นนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะครับ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจจะต้องใช้เวลากับคนไข้ ให้เวลากับคนไข้ และก็เป็นการขอความร่วมมือจริงๆนะครับทั้ง 2 ฝ่าย

 

สื่อมวลชน: เรื่องไลฟ์สด สามารถทำได้ไช่ไหม

นายแพทย์วิทิต:  เรื่องไลฟ์สด ผมต้องเรียนนิดนึงเนอะ คือถ้าเขาไม่พาดพิงสถาบันองค์กรหรือบุคคลที่สาม โดยเฉพาะองค์กรที่ผมดูแลรับผิดชอบอยู่นะครับ ผมก็ไม่ได้ติดใจเรื่องนั้น แต่ถ้าเขาบอกว่าเขาไลฟ์สดจากโรงพยาบาลปิยะเวทอย่างนู้นอย่างนี้ อันนี้พาดพิงถึงองค์กรแล้วเนี่ย ผมอาจจะต้องคุยกันเนาะ ว่าขอคุยกันก่อนดีไหม อันนี้ก็แม้ว่าเป็นเรื่องสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่ถ้าพาดพิงถึงองค์กรมันก็เราก็อาจจะต้องระมัดระวังเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแบบนั้น

 

สื่อมวลชน: มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยไหม

นายแพทย์วิทิต: จริงๆเหตุการณ์อย่างนี้นานๆก็เกิดที ในโรงพยาบาลก็มักจะมีทั้งข่าวดีข่าวร้ายอะไรสลับกันอยู่บ้าง ผมคิดว่าถ้าเหตุการณ์จบลงด้วยดีนะครับ เจ้าหน้าที่ก็มีกำลังใจนะครับ มีกำลังใจที่จะทำงานดูแลคนไข้อีกเยอะเลยต่อไป

 

สื่อมวลชน: เขาขอโทษหรืออะไรไหมครับ 

นายแพทย์วิทิต: อันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลของเขา แต่ทางโรงพยาบาลคงไม่ได้ร้องขออะไรไม่ติดใจที่จะร้องขออะไร

 

สื่อมวลชน:แล้วก่อนที่คุณณวัฒน์จะกลับบ้านก็ไม่ได้มีการเคลียร์กันไช่ไหม

นายแพทย์วิทิต: ไม่ได้เคลียร์ครับ ก็อนุญาตให้กลับบ้าน

 

 

สื่อมวลชน: การให้หมอพักร้อนเป็นไปตามกฎโรงพยาบาลหรือเปล่า

นายแพทย์วิทิต: เรื่องนี้เป็นแนวปฏิบัติของโรงพยาบาลอยู่แล้ว ถ้าเกิดเหตุ config เยอะแบบนี้ เราก็อยากจะให้พักเพื่อด้านจิตใจ ด้านกำลังใจ ที่พวกเราเรียกให้พร้อม คือเราไม่มีความตั้งใจที่อยากให้มีการเผชิญหน้าใดๆ