นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายจากนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (SEOM Retreat) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก หลังจากที่บรูไนทำหน้าที่ประธานอาเซียน โดยบรูไนได้เสนอประเด็นสำคัญที่ต้องการผลักดันให้สำเร็จ ภายในปี 2564 ภายใต้แนวคิด “We care, we prepare, we prosper” และมียุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการฟื้นฟู ด้านการเป็นดิจิทัล และด้านความยั่งยืน รวมทั้งสิ้นจำนวน 10 ประเด็น
สำหรับยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ที่ประธานอาเซียนต้องการผลักดันมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1.ด้านการฟื้นฟู เช่น การจัดทำเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ของประเทศสมาชิกอาเซียน การจัดทำแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการประกาศเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา 2.ด้านการเป็นดิจิทัล เช่น การจัดทำแผนงานเพื่อดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ปี 2564–2568
3.ด้านความยั่งยืน เช่น การจัดทำกรอบการส่งเสริมผู้ผลิตรายย่อย สหกรณ์ และวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยของอาเซียน ในด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ การจัดทำกรอบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งมุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความยั่งยืนของภูมิภาคภายหลังการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือแผนการทำงานของอาเซียนด้านเศรษฐกิจปี 2564 เช่น ปรับปรุงกระบวนการทำงานของอาเซียนในสาขาต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับทิศทางและสถานการณ์ของภูมิภาคและของโลก โดยเฉพาะได้วางแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าของอาเซียน ภายหลังการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) พร้อมเร่งแสวงหาโอกาสด้านการค้าในตลาดอื่นๆ ที่อาเซียนยังไม่มีความตกลงการค้าเสรี (FTA) เช่น อาเซียน-แคนาดา
ขณะเดียวกัน เห็นควรให้เร่งเจรจาเพื่อยกระดับความตกลง FTA ที่มีอยู่ ทั้งด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้มากขึ้น เช่น การเจรจาทบทวนความตกลง FTA ระหว่างอาเซียน-อินเดีย อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-จีน และอาเซียน-เกาหลี เป็นต้น และยังได้พิจารณาเรื่องการสมัครเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเตอีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 1 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 ม.ค.2564
ปัจจุบันอาเซียนเป็นคู้ค้าอันดับหนึ่งของไทย ในเดือนม.ค.–พ.ย.2563 การค้ารวมมีมูลค่า 86,312 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 50,564 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 35,748 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกและนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์