​“พาณิชย์”มั่นใจสหรัฐฯ ต่ออายุ GSP ยันไม่กระทบส่งออก

04 ม.ค. 2564 | 15:39 น.

พาณิชย์ มั่นใจสหรัฐฯ ต่ออายุ GSP ที่ให้กับทุกประเทศแน่ หลังผู้ซื้อ ผู้นำเข้า สมาคมการค้าในสหรัฐฯ ยื่นหนังสือล็อบบี้รัฐสภา และไทย ยื่นหนังสือด้วย ยันไม่มีผลกระทบการส่งออกแต่อาจจะช้าไปบ้าง เหตุสหรัฐฯ เปลี่ยนรัฐบาลใหม่

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการต่ออายุการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) โครงการใหม่ ที่สหรัฐฯ ให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งไทย ว่า ขณะนี้โครงการเดิมได้หมดอายุลงตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2563 และอยู่ระหว่างรอการดำเนินการของสหรัฐฯ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีการต่ออายุเมื่อใด เพราะการต่ออายุที่ผ่านมา ใช้เวลานานหลายเดือน ครั้งที่แล้วดีเลย์ไปถึง 4 เดือนกว่าจะต่ออายุโครงการ แต่จะต่อช้าหรือเร็ว ก็ไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐฯ เพราะผู้นำเข้า ยังนำเข้าได้ปกติ เพียงแต่ต้องจ่ายภาษีไปก่อน และเมื่อโครงการได้รับการต่ออายุ ก็ไปขอคืนภาษีได้

​“พาณิชย์”มั่นใจสหรัฐฯ  ต่ออายุ GSP ยันไม่กระทบส่งออก
         
“ตอนนี้สหรัฐฯ มีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการหลายเรื่อง ทั้งการมีรัฐบาลใหม่ หลังจากที่เพิ่งมีการเลือกตั้งเสร็จ และการต่อสู้กับโควิด-19 ที่ยังมีการระบาดอยู่ ทำให้สหรัฐฯ ต้องดูความจำเป็นเรื่องที่จะทำก่อนและหลัง โดย GSP ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ปกติสหรัฐฯ ก็ต่ออายุช้าอยู่แล้ว บางครั้งนาน 6 เดือนและเกือบ 1 ปีก็มี แต่สุดท้ายแล้วก็ต่อ อยู่ที่ว่าจะต่อเมื่อใด”

 

อย่างไรก็ตาม กรมฯ มั่นใจว่าสหรัฐฯ จะต่ออายุ GSP แน่นอน เพราะมีผู้สนับสนุนการต่ออายุเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่กลางปี 2563 เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.2563 กลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชนสหรัฐฯ มีทั้งผู้นำเข้า และสมาคมการค้าต่างๆ ได้รวมตัวกันประมาณ 222 ราย ทำหนังสือถึงกรรมาธิการการเงิน ของรัฐสภา สหรัฐฯ ให้พิจารณาต่ออายุ GSP ต่อมาทำหนังสือย้ำไปอีกวันที่ 1 ก.ค.2563 และครั้งล่าสุด วันที่ 1 ธ.ค.2563 รวมทั้งหมด 3 ครั้ง โดยให้เหตุผลว่าการที่สหรัฐฯ ให้ GSP กับประเทศต่างๆ ทำให้ผู้นำเข้าประหยัดต้นทุน และผู้บริโภคสหรัฐฯ ได้บริโภคสินค้าราคาถูกลง

​“พาณิชย์”มั่นใจสหรัฐฯ  ต่ออายุ GSP ยันไม่กระทบส่งออก
         
นอกจากนี้ ไทยยังมีการดำเนินการผลักดันให้สหรัฐฯ ต่ออายุโครงการ GSP โดยเร็วด้วย โดยเมื่อเดือนก.ย.2563 สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ร่วมกับกลุ่มประเทศที่ได้ GSP จำนวน 26 ประเทศ ทำหนังสือถึงวุฒิสภา สหรัฐฯ ขอให้เร่งพิจารณาการต่ออายุโครงการ GSP แล้ว
         
 

สำหรับการใช้สิทธิ GSP ในช่วง 9 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่าการใช้สิทธิรวม 3,271.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.44% โดยสหรัฐฯ ใช้สิทธิสูงสุด 2,905.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.63% โดยสินค้าใช้สิทธิส่งออกสำคัญ เช่น ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ ใช้สิทธิรองลงมา 238.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.19% รัสเซียและเครือรัฐเอกราช ใช้สิทธิ 102.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง2.30% และนอร์เวย์ ใช้สิทธิ 24.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.96%

​“พาณิชย์”มั่นใจสหรัฐฯ  ต่ออายุ GSP ยันไม่กระทบส่งออก
         
ส่วนการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วง 9 เดือนปี 2563 มีมูลค่า 42,337.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 15.85% โดยตลาดที่ไทยใช้สิทธิส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อาเซียน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย และสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง เช่น ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ผลไม้ (ลำไย เงาะ ลางสาด) รถบรรทุกขนส่งขนาดไม่เกิน 5 ตัน เครื่องปรับอากาศ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด มันสำปะหลัง เป็นต้น