เปิดสัมภาระ 4 ประเภทขึ้นรถแท็กซี่ในสนามบินต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม

20 พ.ย. 2563 | 12:03 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2563 | 19:26 น.
1.1 k

กรมการขนส่งทางบก ระบุ การเก็บค่าสัมภาระเพิ่ม จำกัดเฉพาะรถแท็กซี่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ ที่ให้บริการไป-กลับสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น โดยมีสัมภาระ 4 ประเภทเข้าข่าย ส่วนรถแท็กซี่ให้บริการรับ-ส่งในเมืองทั่วไปเก็บเฉพาะค่าโดยสารตามมิเตอร์ปกติ

นายธานี สืบฤกษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยว่า ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการอื่น กรณีการจ้างโดยมีบริการพิเศษสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) หรือ รถแท็กซี่ มิเตอร์ ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2563 นั้น ได้มีการกำหนดอัตราค่าบรรทุกสัมภาระไว้

 โดยจำกัดเฉพาะการใช้บริการรถแท็กซี่จากท่าอากาศยานดอนเมือง หรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือการจ้างจากสถานที่อื่นไปยังท่าอากาศยานดอนเมืองหรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เท่านั้น และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป 

ส่วนการใช้บริการรถแท็กซี่เส้นทางในเมืองทั่วไปที่ไม่ได้มีต้นทางหรือปลายทางไปยังท่าอากาศยานทั้งสองแห่ง จะมีเพียงค่าโดยสารตามมาตรค่าโดยสารที่ปรากฏตามปกติเท่านั้น ไม่มีการเก็บค่าสัมภาระเพิ่มแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ สัมภาระตามประกาศกระทรวงฯ ดังกล่าว หมายถึง สินค้า สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่มีการบรรจุกล่อง กระเป๋า มัดรวม หรือบรรจุหีบห่อ และที่ไม่มีการบรรจุแต่มีขนาด ปริมาณ ความกว้าง ความสูงเกินกว่าจะเป็นสัมภาระติดตัว 

โดยมีรายละเอียดกำหนดอัตราค่าบริการ ซึ่งคนขับต้องแจ้งอัตราค่าบริการเพื่อให้ผู้โดยสารทราบล่วงหน้าก่อนทำการรับจ้างทุกครั้ง ดังนี้ 

1. สัมภาระขนาดใหญ่หรือกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ที่มีขนาดความกว้าง ความยาว หรือความสูงด้านใดด้านหนึ่ง เกินกว่า 26 นิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราชิ้นละไม่เกิน 20 บาท

2. สัมภาระขนาดเล็กหรือกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก ที่มีขนาดความกว้าง ความยาว หรือความสูงด้านใดด้านหนึ่ง ไม่เกิน 26 นิ้ว แต่มีจำนวนหลายชิ้น ให้เรียกเก็บค่าบริการตั้งแต่ชิ้นที่ 3 ขึ้นไป ในอัตราชิ้นละไม่เกิน 20 บาท 

3. อุปกรณ์การกีฬาจำพวก ถุงกอล์ฟ รถจักรยาน วินด์เซิร์ฟ หรือเครื่องดนตรี ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 50 นิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราชิ้นละไม่เกิน 100 บาท

4. กรณีสัมภาระเป็นสินค้า สิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่บรรจุกล่อง และที่มิได้มีการบรรจุกล่อง แต่มีการมัดรวมหรือหีบห่อรวมกันไว้ ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 50 นิ้วขึ้นไป ให้เรียกเก็บค่าบริการในอัตราที่บรรจุกล่อง มัดรวมหรือหีบห่อชิ้นละไม่เกิน 100 บาท

ในการวัดขนาดของสัมภาระ จะไม่วัดรวมล้อหรืออุปกรณ์ที่ช่วยในการเคลื่อนที่ เช่น กระเป๋าเดินทางที่มีล้อเลื่อนจะวัดขนาดแค่เพียงส่วนที่เป็นตัวกระเป๋านั้นโดยไม่รวมล้อ นอกจากนี้ จะไม่มีการจัดเก็บค่าบริการเพิ่มเติมในกรณีสัมภาระนั้นเป็น รถเข็น หรืออุปกรณ์สำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย เช่น วีลแชร์ ไม้เท้า

เปิดสัมภาระ 4 ประเภทขึ้นรถแท็กซี่ในสนามบินต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม

 รวมถึงสัมภาระติดตัว ที่อยู่ในความดูแลของผู้โดยสารระหว่างการเดินทาง เช่น กระเป๋าถือ กระเป๋าคอมพิวเตอร์ เป้สะพายหลัง

กรมการขนส่งทางบกได้ประสาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท (AOT) ประชาสัมพันธ์รายละเอียดการใช้บริการรถแท็กซี่และอัตราค่าบริการสัมภาระให้ผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการรถแท็กซี่ทราบก่อนใช้บริการ

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ผู้ขับรถแท็กซี่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงฯ และข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยในการให้บริการอย่างเคร่งครัด และตระหนักถึงความสำคัญของการให้บริการที่ดี ห้ามฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้โดยสารโดยเด็ดขาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน 

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบปัญหาจากการใช้บริการรถแท็กซี่ แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆ

เช่น แอปพลิเคชันไลน์ @1584dlt หรือ เว็บไซต์http://ins.dlt.go.th/cmpweb/ , อีเมล์: [email protected] , เฟซบุ๊ก 1584ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ