ตลาดแฟชั่นโคม่า “สหพัฒน์”ยอดร่วง40%

04 ก.ค. 2563 | 19:50 น.
1.1 k

ธุรกิจแฟชั่นโคม่า พิษโควิด-19 ฉุดยอดขายร่วง เหตุปิดห้าง-ปิดเมืองนักท่องเที่ยวหาย เครือสหพัฒน์ ปรับแผนลดกำลังผลิต ขยายช่องทางขาย พยุงธุรกิจรอดก่อนลุยใหม่ปีหน้า คาดทั้งปีติดลบ 40%

อุตสาหกรรมแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องหนัง ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่จะถูกตัดทอนออกไปทันที หลังจากที่ผู้บริโภคต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบ New Normal และสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังริบหรี่ รวมทั้งยังต้องลุ้นว่าจะเกิดการระบาดระลอก 2 หรือไม่

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมของธุรกิจสินค้าแฟชั่น เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา เพราะช่องทางการขายถูกปิดหมด และอยู่ในช่วงซัมเมอร์ซึ่งคอลเลคชั่นใหม่ออกพอดี ทำให้ตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาไม่สามารถขายสินค้าได้เลย จนเมือรัฐบาลไฟเขียวให้เปิดห้างได้ โดยเบื้องต้นพบว่า ธุรกิจแฟชั่นซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 35% ของยอดขายในห้างค้าปลีก ลดเหลือประมาณ 20% เท่านั้น

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์

“ซัมเมอร์เป็นช่วงหน้าขายสำคัญที่แบรนด์ต้องออกคอลเลคชั่นใหม่มานำเสนอ แต่ปีนี้ซัมเมอร์ถูกปิดหมด ไม่มีช่องทางขายถึงออกคอลเลคชั่นใหม่มาก็ไม่มีที่ขาย ขณะที่แบรนด์ไทยดีไซเนอร์จะได้รับผลกระทบหนักเพราะกลุ่มลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้”

อย่างไรก็ดีเชื่อว่า ธุรกิจแฟชั่นในปีนี้จะเหนื่อยหนัก ต้องลุ้นจนถึงไตรมาส 4 ว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้หรือไม่ แต่ภาพรวมคาดว่าจะมียอดขายลดลงเป็นตัวเลข 2 หลัก

กำลังซื้อไม่กลับ

นางรมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายบูติคสตรี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มแฟชั่นเสื้อผ้าได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 หนักมาก เพราะช่องทางการขายหลักคือ ห้าง ต้องปิดและหยุดขายไปนานเกือบ 3 เดือน แม้วันนี้จะกลับมาเปิดให้บริการแล้ว แต่ยอดขายโดยรวมกลับมาเพียง 60% ยังคงต้องรอดูสถานการณ์หลังจากที่รัฐบาลปลดล็อกเฟส 5 ว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ประเมินว่า หากไม่เกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 คาดว่าภาพรวมของกลุ่มสินค้าแฟชั่นสตรี ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องหนัง จะฟื้นตัวกลับมาได้ในปลายปีนี้

รมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร์

“ช่วงปิดโควิด กลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องหนังได้รับผลกระทบหนักมาก แม้ห้างจะกลับมาเปิดให้บริการ แต่ยังมีอาฟเตอร์ ช็อกทำให้ยอดขายยังไม่กลับมาเท่ากับช่วงเวลาปกติ อีกทั้งห้างที่ทำยอดขายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเอ็มบีเค หรือโตคิว กลุ่มลูกค้าหลักซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวก็ยังไม่กลับมา”

ยอดขายหาย 40%

สำหรับแผนการทำตลาดในครึ่งปีหลัง จะยังคงเดินหน้าผลิตราว 50% ของช่วงเวลาปกติ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพตลาด ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ปิดจำหน่ายมีสินค้าใหม่ที่ผลิตเพื่อขาย คงอยู่ในสต็อกก็จะนำมาทำโปรโมชั่น รวมทั้งยังมีการจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ และนำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ในรูปแบบมินิคอลเลคชั่นหรือแคปซูล คอลเลคชั่น พร้อมกับขยายช่องทาง การจำหน่ายให้หลากหลายทั้งทีวีช็อปปิ้ง ออนไลน์ มาร์เก็ตเพลสอื่น และไลฟ์สด เป็นต้น

ตลาดแฟชั่นโคม่า  “สหพัฒน์”ยอดร่วง40%

“วันนี้กิจกรรมการตลาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรดโชว์ แฟชั่นโชว์ ต้องยุติหมดไม่สามารถจัดได้ แต่ยังต้องมีคอลเลคชั่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยรูปแบบจะเปลี่ยนไปอาจจะไม่ใช่แบบฟลูคอลเลคชั่น แต่เป็นแคปซูล คอลเลคชั่น พร้อมกับเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ เพื่อพยุงให้ธุรกิจเดินหน้าได้ ก่อนที่จะเริ่มรุกหนักในปีหน้า โดยคาดว่าในปีนี้ยอดขายของกลุ่มแฟชั่นจะหายไปราว 40%”

ยูนิโคล่โตกว่า 100%

อย่างไรก็ดีหลังจากที่ผู้บริโภคต้องกักตัวอยู่กับบ้านมานาน ทันทีที่รัฐบาลไฟเขียว แฟชั่นเสื้อผ้าหลายรายทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ เริ่มขยับตัวทำการตลาดมากขึ้น เช่น ฟาสต์แฟชั่นชื่อดังอย่าง “ยูนิโคล่” ที่จับมือกับมารีเมกโกะ เปิดตัวลิมิเต็ดอิดิชันคอลเลคชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2020 ออกทำตลาดโดยอาศัยจุดเด่นด้านดีไซน์และลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละแบรนด์ ออกวางจำหน่ายในสโตร์และออนไลน์พร้อมกันในวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งไลน์เสื้อผ้าที่มีทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ หมวก กระเป๋า รองเท้า และผ้าพันคอ พบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี กลายเป็นคอลเลคชั่นฮิตในเวลาไม่ถึง 1 เดือน และมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้กว่า 100% ทำให้มีแผนจะจับมือออกคอลเลคชั่นใหม่ในวินเทอร์นี้

หั่นสาขาลุยออนไลน์

นายกชกร เกียรติสมมารถ กรรมการบริหาร บริษัท บีเอสเอ็น ฟุตแวร์ จำกัด ในเครือบริษัท บาซินี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์รองเท้าหนัง “Saramanda” ประเทศ ออสเตรเลีย กล่าวว่า การระบาดของโควิด19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมยอดขายและสินค้าในกลุ่มแฟชั่นรองเท้า เครื่องหนัง เสื้อผ้ามากพอสมควร ทำให้บริษัทต้องปรับแผนงานโดยหันไปโฟกัสช่องทางออนไลน์ พร้อมทั้งปรับลดราคาลงมา 50% เพื่อให้บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตอยู่ได้

พร้อมกันนี้บริษัทยังได้มีการทบทวนแผนการดำเนินงานใหม่ทั้งหมด โดยเตรียมลดจำนวนสาขาลง 50% จากเดิม 40 สาขา ให้เหลือเพียง 25 สาขา และหันทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นทั้งในส่วนของบริษัทเองและมาร์เก็ตเพลสอื่น หลังจากที่พบว่ายอดขายในช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นกว่า 100% นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดแบรนด์รองเท้าหนังแฟชั่นสำหรับผู้หญิงออกมาทำตลาดในช่วงไตรมาส 4 นี้ด้วย

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,588 วันที่ 2 - 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2563