เฮงเค็ล เดินเครื่องเทรนช่างผมรับ Hair Care โตแรง

27 พ.ค. 2563 | 11:01 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2563 | 18:10 น.

เฮงเค็ล ไม่หวั่นวิกฤติโควิด-19 มั่นใจผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมยังสดใส เร่งเครื่องเทรนช่างผมพร้อมเผยแผนเปิดตัวผลิตใหม่รับ Hair Care โตแรง

นายธีรศักดิ์ ไตรทิพย์ ผู้จัดการทั่วไป เฮงเค็ล บิวตี้แคร์ โปรเฟสชั่นแนล ประเทศไทย  เจ้าของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แบรนด์ Schwarzkopf และ Joico เปิดเผยว่า แม้ว่าจะมีวิกฤติโควิด -19 เข้ามามีผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม แต่ทว่าในส่วนของบริษัทเองยังมีพัฒนาการสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง รองรับค่านิยมความงามของเส้นผมทุกยุคสมัย มีโซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถแสดงบุคลิกเฉพาะตัวได้อย่างมั่นใจและมีสไตล์ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของแผนการตลาดที่สำคัญ คือการพัฒนาศักยภาพช่างผมมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นคู่ค้าธุรกิจที่สำคัญ ผ่านการจัดฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเทคนิคการทำผมแบบสากลนิยม เทรนด์ใหม่ และการบริหารจัดการธุรกิจ ในแต่ละปี เฮงเค็ล ได้จัดให้มีการเทรนช่างทำผม 2,000-3,000 คน ทั้งในประเทศไทย กัมพูชาและเมียนมาร์

เฮงเค็ล เดินเครื่องเทรนช่างผมรับ Hair Care โตแรง
โดยในปีนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัวในตลาดประเทศไทยผ่านทั้งสองช่องทางการค้าปลีกและร้านเสริมสวย ได้แก่  Bonacure, Oil Ultimate, Fiber Plex, Joico K-PACK และ Joico DEFY Damage  โดยมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมระบบการดูแลรักษาเส้นผมทั้งระบบ ทั้งก่อนและหลังการทำผมในร้านเสริมสวย  จากปัจจุบันที่มีแบรนด์ให้เลือกที่หลากหลาย โดยตลาดค้าปลีก มีแบรนด์  Freshlight, Palett, Got2b และ Natural & Easy ส่วนช่างผมมืออาชีพ เฮงเค็ล มีแบรนด์ Igora Royal, Igora Vibrance, BlondMe,  และ Joico ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ยอดนิยม 
เฮงเค็ล เดินเครื่องเทรนช่างผมรับ Hair Care โตแรง

สำหรับไตรมาสแรกที่ผ่านมา ได้เปิดตัวเฉดสีใหม่ที่เรียกว่า Igora Raw ซึ่งเป็นเฉดสีใหม่ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี และเปิดตัวเฉดสี Joy-Full ภายใต้การดูแลของแบรนด์ Joico ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับช่างผมมืออาชีพโดยเฉพาะ และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมแบรนด์ Taft Pomade ซึ่งจัดจำหน่ายผ่านห้าง ร้านค้าปลีกขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นดิจิทัล เพื่อช่วยช่างทำผม สามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างที่พัฒนาขึ้นมาคือ แอพพลิเคชั่น House of Colors หรือ Essential Looks ซึ่งช่างทำผมสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งไว้บนโทรศัพท์มือถือ แอพพลิเคชั่นนี้ช่วยให้ช่างทำผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทำสีผม เก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าและการบริการที่ผ่านมา ติดตามการสั่งซื้อ และเก็บข้อมูลสีผมที่อยู่ในสต๊อก ที่สำคัญ แอพพลิเคชั่นนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับ เทรนด์สีผมล่าสุด ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่นสีผมใหม่ ในคลังข้อมูล Essential Look รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิควิธีการนำเสนอคอลเลคชั่นสีผมใหม่ให้กับลูกค้าที่ร้าน

เฮงเค็ล เดินเครื่องเทรนช่างผมรับ Hair Care โตแรง
“ทั้งนี้รายได้ส่วนใหญ่ของเรา มาจากร้านค้าในรูปแบบเดิมๆ แต่รายได้จากช่องทางออนไลน์ ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับช่องทางการค้าปลีกนั้น เรามีร้านค้าของแบรนด์ชวาร์สคอฟ อยู่ใน Lazada, Shoppee และ JD Central เรามีช่องทางการขายในรูปแบบเดิมและช่องทางออนไลน์ เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน และเพื่อส่งมอบประสบการณ์ความงามที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคของเรา”


อย่างไรก็ตามธุรกิจดูแลความงามในส่วนของเส้นผมในประเทศไทย ปี 2563 ยังคงสดใส ถึงแม้จะได้รับผลกระทบบ้างจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ร้านทำผมถูกสั่งปิดตามนโยบายรัฐบาลไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผู้บริโภคชาวไทยมีความรู้และใส่ใจในเรื่องของแฟชั่นมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงมองในแง่ดีว่าตลาดยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุด สำหรับเรื่องเส้นผม คือ ผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ทำสีผม เช่น สีผมแฟนซีต่างๆ กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น อีกตลาดหนึ่งที่เป็นตลาดผู้บริโภคกลุ่มใหม่สำหรับสีผม ก็คือกลุ่มวัยเริ่มทำงาน (first jobbers) ทั้งหญิงและชาย อีกเทรนด์หนึ่ง คือ การดัดคลื่นผมด้วยดิจิทัล (digital wave perm) และความสนใจในเรื่องของความงามแบบองค์รวมของเส้นผม