เฮงเค็ล  ชูกลยุทธ์ O2O รับดิจิทัลดิสรัปชัน   

23 ก.พ. 2563 | 05:15 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2563 | 13:54 น.

เฮงเค็ล เปิดแผนงานรับมือดิจิทัลดิสรัปชัน ชูยุทธศาสตร์เชื่อมโยงแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซกับค้าปลีกแบบดั้งเดิม ผสาน O2O สร้างแบรนด์เติบโตยั่งยืน สร้างยอดขายกว่า 4 พันล้านยูโรทั่วโลกในสิ้นปี

นายแอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธาน บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า หลังจากบริษัทเริ่มนำระบบดิจิทัลเข้ามาปฏิรูปกระบวนการผลิตเมื่อช่วง 6 ปีที่ผ่านมาเพื่อมุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0 พบว่าสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลงได้ 12% และลดการใช้พลังงานลง 17% ระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานลดลง 16% และการปล่อยของเสียลดลง 46% ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าวทำให้บริษัทเร่งปรับแผนงานสู่ระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ โรงงานอัจฉริยะ 12 แห่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งคาดว่าการนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตจะช่วยให้เฮงเค็ล มียอดขายรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือ 4 พันล้านยูโร ภายในปี 2563

ขณะที่แผนงานในส่วนของเฮงเค็ล ประเทศไทย ได้มีการเปิดช่องทางโซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับลูกค้า ผู้บริโภคคู่ค้าทางธุรกิจ ซัพพลายเออร์ และอื่นๆ เชื่อมโยงแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซเข้ากับการค้าปลีกแบบเดิม ผ่านOmni Channel” นอกจากยังเพิ่มการสื่อสารผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencers) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเรื่องราวของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้เฟซบุ๊กเพจมียอดผู้ติดตามถึง 2.7 ล้านคน เพื่อเป็นการสื่อสารแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงอีกด้วย

เฮงเค็ล  ชูกลยุทธ์ O2O รับดิจิทัลดิสรัปชัน   

แอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา

 

 

 

 

 

บริษัทมีการเปิดช่องทางomni-channel’ หรือการผสานทุกช่องทางไว้ที่เดียว ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซเข้ากับการค้าปลีกแบบเดิม นอกจากนี้ยังใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับลูกค้าออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม โดยให้คำแนะนำ เช่น การดูแลรักษาผม การตกแต่งทรงผม เทรนด์แฟชั่น และการประกวดต่างๆ

 

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจเพื่อความงาม บิวตี้แคร์ บริษัทได้เปิดตัว แอพHouse of Colo”’ สามารถใช้ได้ทั้งกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และไอโอเอส ผู้แทนขายได้รับการฝึกอบรมให้นำเสนอและสาธิตวิธีการใช้แอพนี้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อนักแต่งทรงผมให้ไม่ตกเทรนด์ พร้อมให้คำปรึกษาส่วนบุคคลกับผู้บริโภค หน่วยธุรกิจบิวตี้แคร์ของเฮงเค็ล ยังร่วมมือกับคู่ค้าด้านอี-คอมเมิร์ซ เช่น Lazada, Shopee และ JD.com เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าตามเทรนด์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยบริษัทได้วางแผนการขยายธุรกิจไปยังช่องทางต่างๆ มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้าน eShop ที่ให้ข้อมูลและบริการแบบเรียลไทม์แก่ลูกค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและคู่ค้า ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,550 วันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2563