เอฟทีเอดันส่งออกยาง11เดือน ทะลุ1หมื่นล้านดอลลาร์

25 ธ.ค. 2562 | 15:52 น.
1.8 k

กรมเจรจาฯ ปลื้ม เอฟทีเอดันยอดส่งออกผลิตภัณฑ์ยางไทย 11 เดือนแรกปี 62 ทะลุ 10,000 ล้านเดอลลาร์สหรัฐ  แนะผู้ประกอบการใช้เอฟทีเอเบิกทางขยายโอกาสการส่งออกเพิ่ม

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ติดตามสถิติการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและน่าจับตามอง เนื่องจากมีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับที่ 4 รองจากสินค้ารถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ โดยตั้งแต่ปี 2561 ไทยขยับขึ้นมาครองตำแหน่งเป็นประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ยางสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก (รองจาก จีน เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา) และมีอัตราการขยายตัวของการส่งออกเพิ่มอย่างต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม-พฤศจิกายน ) ไทยส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ยางสู่ตลาดโลกได้ถึง 10,221 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึง 1.6%  ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อาเซียน และออสเตรเลีย สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางนอกที่ใช้กับยานพาหนะ ยางสังเคราะห์ และถุงมือยาง

เอฟทีเอดันส่งออกยาง11เดือน  ทะลุ1หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ยางของไทยเติบโต คือ การที่สินค้าผลิตภัณฑ์ยางของไทยไม่ถูกเก็บภาษีศุลกากรในประเทศผู้นำเข้า เนื่องจากการทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างกัน (ไทยมีเอฟทีเอ 13 ฉบับกับ 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง) ซึ่งผลิตภัณฑ์ยางจากไทยไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้าแล้วใน 14 ประเทศ ได้แก่ สมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮ่องกง เหลืออีก 4 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ชิลี เปรู ที่ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าผลิตภัณฑ์ยางส่วนใหญ่จากไทยแล้ว แต่คงการเก็บภาษีในบางรายการ

สำหรับกรณีของสหรัฐอเมริกา แม้จะไม่ใช่คู่เอฟทีเอของไทย แต่ที่ผ่านมาไทยได้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือจีเอสพีจากสหรัฐอเมริกา อีกทั้งสหรัฐอเมริกานำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นแทนจากจีน ดังนั้น การผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ยางให้ไทยเพิ่มเติม ผ่านการทบทวนเอฟทีเอที่มีอยู่ในปัจจุบัน การหาข้อสรุปเอฟทีเอที่อยู่ระหว่างการเจรจา รวมถึงการเปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ อาทิ สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสมาคมการค้าเสรียุโรป (เอฟต้า) เป็นต้น จะมีส่วนสำคัญในการสร้างแต้มต่อผลิตภัณฑ์ยางไทยในตลาดโลก

ทั้งนี้หากแยกรายตลาด จะพบว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ยางของไทยไปประเทศคู่เอฟทีเอขยายตัวเพิ่มขึ้นมากทุกตลาด เช่น อาเซียน ขยายตัว 5,847 % จีน ขยายตัว 3,230 % ออสเตรเลีย ขยายตัว431%  อินเดีย ขยายตัว378 %และญี่ปุ่น ขยายตัว118%  เป็นต้น สอดคล้องกับสถิติที่พบว่าในปี 2561 และครึ่งปี 2562 ผลิตภัณฑ์ยางเป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยขอใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกเป็นอันดับต้น