อนุทิน เปิดศูนย์ความร่วมมือระหว่างประเทศของสมาพันธ์แพทย์แผนจีนโลก ด้านการวิจัยแพทย์แผนจีนทางคลินิก แห่งแรกของภูมิภาคอาเซียน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญกับการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวิชาการและการให้บริการที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย เพื่อเป็นทางเลือกแก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ ควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน การประชุมวิชาการแพทย์แผนจีนนานาชาติระดับภูมิภาคอาเซียน ครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หลักการ “สืบสานและคิดค้นสิ่งใหม่ พัฒนาแพทย์แผนจีน เพื่อสุขภาพของมวลชน” จะเปิดโอกาสให้บุคลากรในศาสตร์การแพทย์แผนจีนและการแพทย์ทางเลือกอื่น ๆ ได้พัฒนาและเสริมสร้างประสบการณ์ ศักยภาพทางวิชาการ รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างประเทศไทยกับนานาชาติ การที่สมาพันธ์แพทย์แผนจีนโลกได้อนุมัติให้ประเทศไทยจัดตั้ง “ศูนย์ความร่วมมือระหว่างประเทศของสมาพันธ์แพทย์แผนจีนโลก ด้านการวิจัยแพทย์แผนจีนทางคลินิก” เพื่อสร้างความเข้มแข็งวิชาชีพแพทย์แผนจีนในไทย ผลิตนักวิจัยทางคลินิกที่มีมาตรฐานสูง และเป็นเวทีความร่วมมืองานวิจัยด้านคลินิกระดับนานาชาติ ซึ่งจะช่วยพัฒนาส่งเสริมการแพทย์แผนจีนดั้งเดิมของภูมิภาคอาเซียนให้ก้าวหน้าต่อไป
หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงว่าด้วยเรื่องการอนุญาต ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน เมื่อพ.ศ. 2543 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลก นอกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่สามารถประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายใต้การผลักดันของรัฐบาลไทย การแพทย์แผนจีนในประเทศไทยได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีคณะกรรมการวิชาชีพ และมีการจัดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา ปัจจุบันมีนักศึกษาแพทย์แผนจีนกว่า 3,000 คนในสถาบันการศึกษา 9 แห่ง และมีผู้ได้รับใบประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนทั้งสิ้น 1,268 คน
“ผมรู้สึกภูมิใจที่ประเทศของเราเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับศาสตร์การแพทย์แผนจีนเข้ามาเพื่อใช้รักษาและดูแลสุขภาพประชาชน ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการสืบทอดพัฒนาตลอดมา จนในปัจจุบันได้มีการเปิดสอนหลักสูตรการแพทย์แผนจีนในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง มีแพทย์จีนที่ได้รับใบประกอบโรคศิลปะแล้วมากกว่า 1200 คน ให้บริการรักษาดูแลสุขภาพประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีด้วยศาสตร์การแพทย์ที่มีการเจริญพัฒนามายาวนานกว่า 4 พันปี” นายอนุทินกล่าว