"ซีเค พาวเวอร์" กำไรพุ่ง 277% ตั้งเป้าผลิตไฟฟ้า 5 พันเมกะวัตต์ ปี 2568

22 ก.พ. 2562 | 14:34 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2562 | 03:32 น.
958
"ซีเค พาวเวอร์" เผย รายได้ปี 2561 เติบโตกว่า 30% ฟันกำไรสุทธิพุ่ง 277% จากปีก่อน สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าหาโอกาสลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สู่เป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 5 พันเมกะวัตต์ ในปี 2568

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า ปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทุบสถิติสร้างนิวไฮทั้งรายได้และกำไร สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีก่อน อยู่ที่ 9,115 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้การขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบ 70 ปี รวมทั้งรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 อีกทั้งโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ได้มีการออกหุ้นกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ส่งผลให้กำไรสุทธิของ CKP สำหรับปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 599 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตที่สูงขึ้นถึง 277% จากปีก่อน

 

[caption id="attachment_393052" align="aligncenter" width="336"] นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์[/caption]

โดยปีที่ผ่าน บริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มใน บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ("XPCL") ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี อีก 7.5% ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าลงทุนเพื่อซื้อหุ้นดังกล่าว รวม 2,065 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL อยู่ที่ 37.5% ช่วยเสริมให้ผลประกอบการในอนาคตมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ การก่อสร้างโครงการคืบหน้าไปแล้ว 97% คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตามแผนได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2562

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาและบนพื้นดิน เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชน จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 6.75 เมกะวัตต์ เริ่มทยอยก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2561 โดยเดือน ก.พ. 2562 ได้มีการจ่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการแล้ว 1 โครงการ ที่ขนาดกำลังการผลิต 0.9 เมกะวัตต์ และอีก 5 โครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ครบทั้งหมดในปี 2562


S__55377927

"ผลประกอบการของปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ บริษัทฯ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาธุรกิจ เพื่อก้าวเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดของประเทศและในภูมิภาคอาเซียน และยังคงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน (Sustainable) ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม (Social and Environmental Responsibility) รวมทั้งยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งที่ 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568"

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.028 บาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน โดยจะมีการเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

ปัจจุบัน บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 โครงการ รวมขนาดกำลังผลิตที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ 2 โครงการ ได้แก่ บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ถือหุ้น 42% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิต 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ถือหุ้น 37.5% ขนาดกำลังผลิต 1,285 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration) จำนวน 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (BIC) ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังผลิต 238 เมกะวัตต์ และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด (BKC) ถือหุ้น 100% จำนวน 7 โครงการ ขนาดกำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ บริษัท เชียงรายโซล่าร์ จำกัด (CRS) ถือหุ้น 30% ขนาดกำลังผลิต 8 เมกะวัตต์ และบริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด (NRS) ถือหุ้น 30% ขนาดกำลังผลิต 6 เมกะวัตต์

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว