ฟาร์อีสท์รวมกิจการเฟมไลน์ รั้งเบอร์ 1 เอเจนซี่โฆษณาไทย

ฟาร์อีสท์ ดีดีบี เข้าถือหุ้นเฟมไลน์ 99.99% เปลี่ยนชื่อเป็น “ฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี” รั้งบริษัทโฆษณาคนไทยอันดับ 1 พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารใหม่

[caption id="attachment_255642" align="aligncenter" width="335"] นายบุญชัย โชควัฒนา[/caption]

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท ฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ฟาร์อีสท์ ดีดีบีได้รับโอนกิจการจาก บริษัท เฟมไลน์ จำกัด บริษัทโฆษณาและเป็นบริษัทย่อยของฟาร์อีสท์ ดีดีบี โดยเข้าถือหุ้นในเฟมไลน์ในสัดส่วน 99.99% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่แล้วในสัดส่วน 86.48% และได้เปลี่ยนชื่อจากบริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท ฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี จำกัด (มหาชน) ซึ่งการรวมกิจการในครั้งนี้ส่งผลให้ ฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี ก้าวเป็นบริษัทโฆษณาของคนไทยอันดับ 1 และเป็นบริษัทโฆษณาอันดับ 1 ใน 5 ของไทย

นอกจากนี้ ฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี ยังได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ โดยแต่งตั้ง นายวิชา ลดาลลิตสกุล เป็นกรรมการผู้อำนวยการ ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการ ฟาร์อีสท์ ดีดีบี แต่งตั้ง นางชัยลดา ตันติเวชกุล เป็นรองกรรมการผู้อำนวยการและผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ฟาร์อีสท์ ดีดีบี และได้แบ่งการบริหารงานออกเป็น 2 ยูนิต ได้แก่ ยูนิตฟาร์อีสท์ มี นายอนุพล ภูวพูนผล เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ ฟาร์อีสท์ ดีดีบี และยูนิตเฟมไลน์ มี นางเกษแก้ว อิทธิกุล เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเดิมดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เฟมไลน์

“โพซิชั่นนิ่งของฟาร์อีสท์ เฟมไลน์ ดีดีบี จะเป็นเอเจนซี่ที่ Divergence มีศักยภาพในการผลิตไอเดียและงานสร้างสรรค์ที่สดใหม่ แตกต่างในหลากหลายรูปแบบ สามารถสรรค์สร้างนวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยทั้ง 2 บริษัทจะเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน แบ่งปันข้อมูลความรู้และทรัพยากรต่างๆ ร่วมกันสนองตอบความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ซึ่งปัจจุบันลูกค้าต้องการเอเจนซี่ที่ให้บริการครบวงจร ใช้สื่อทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ มีความคิดสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบที่ผสมผสานกับงานนวัตกรรมได้เป็นอย่างดี และมีการวางแผนจากข้อมูลเชิงลึก (Insight) ข้อมูลปริมาณมาก (Big Data) และข้อมูลการใช้สื่อโซเชียลของผู้บริโภค (Social Data)”