ยิบอินซอยเป้าปีหน้า8พันล. ธุรกิจเกษตรโต100%-ขี่กระแส IoTเพิ่มลูกค้าใหม่

18 พ.ย. 2560 | 15:46 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ย. 2560 | 22:46 น.
944
“ยิบอินซอยกรุ๊ป” ลั่นปี 61 รายได้พุ่ง 8,000 ล้าน ประกาศแผนรุกหนักธุรกิจเกษตร-พลังงานเป้าโต 100% ขณะธุรกิจไอทีกลุ่มทำรายได้หลักเกาะกระแส IoT และเศรษฐกิจดิจิตอลดันโตต่อเนื่อง ปรับแผนกลุ่มวัสดุก่อสร้างสู่วัสดุและเทคโนโลยีการเกษตร เล็งนำบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯใน 2 ปี

นางมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด เผยว่า ในปี 2560 ยิบอินซอยกรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทในเครือ 11 บริษัทคาดจะมีผลประกอบการรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจไอทีสัดส่วน 71% (5,000 ล้านบาท) กลุ่มธุรกิจเกษตร 19% (1,300 ล้านบาท) กลุ่มธุรกิจพลังงาน 6% (400 ล้านบาท) และกลุ่มวัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ 4% (300 ล้านบาท)

[caption id="attachment_232414" align="aligncenter" width="318"] มรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด มรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด[/caption]

“ภาพรวมธุรกิจของยิบอินซอยกรุ๊ปในปี 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2559 กว่า 10% โดยกลุ่มที่มีอัตราการขยายตัวมากคือธุรกิจเกษตร ซึ่งมีการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยและเคมีเกษตรที่ในปี 2559 เราได้มีการลงทุนกว่า 200 ล้านบาทในการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่อยุธยากำลังผลิต 5 หมื่นตันต่อปี ได้เปิดดำเนินการแล้ว ส่งผลให้ยอดขายธุรกิจปุ๋ยในปี 2560 โตขึ้นกว่า 4 เท่า และในปีนี้ได้มีการขยายไลน์การผลิตในพื้นที่เดิมอีก 100% ลงทุน 100 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปีหน้า ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 5 หมื่นตันเป็น 8 หมื่น-1 แสนตันต่อปี”

สำหรับธุรกิจของกรุ๊ปในปี 2561 คาดจะสามารถผลักดันยอดขายให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้มากกว่า 10% โดยมีเป้าหมายยอดขายที่ 8,000 ล้านบาท ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจะมาจากธุรกิจไอทีที่มีฐานยอดขายที่ใหญ่คาดจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้จากปีนี้ 6-7% โดยธุรกิจไอทีจะมีการนำเสนอสินค้าและโซลูชันใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมด้านไอทีและอินเตอร์เน็ต (IoT) แก่ลูกค้าซึ่งจะพัฒนาและแตกแขนง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยน แปลงไป ส่วนธุรกิจเกษตร คาดปีหน้ายอดขายจะขยายตัวได้มากกว่า 100% จะเน้นหนักเรื่องปุ๋ยที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับแต่ละสภาพพื้นที่ในกลุ่มนิชมาร์เก็ต เกรดพรีเมียมในแบรนด์ใบไม้ และแบรนด์หัวคนป่า แต่จะปรับกลยุทธ์ลดราคาลงจากเดิม มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายสู่ภาคอีสาน จากเดิมเน้นภาคใต้ และตะวันออกในกลุ่มพืชผัก ผลไม้ ยางพารา ปาล์ม เป็นต้น

ส่วนในกลุ่มธุรกิจพลังงานคาดจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ไม่ตํ่ากว่า 100% เช่นกัน ทั้งการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับการไฟฟ้า การติดตั้งระบบต่างๆ และขายวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่อง ในอนาคตทางกลุ่มมีแผนหาผู้ร่วมทุนรุกธุรกิจสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้าขาย เบื้องต้นมองพลังงานจากขยะ ทั้งนี้ธุรกิจเกษตรและพลังงานจะเป็นธุรกิจดาวรุ่งของยิบอินซอยกรุ๊ปในอนาคตขณะที่กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างกำลังจะปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจด้านวัสดุการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ในลักษณะซื้อมาขายไป เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มสมาร์ทฟาร์มมิ่ง ในอนาคตยังมีแผนร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำผลผลิตทางการเกษตรของเครือข่ายเกษตรกรนำมาแปรรูปในลักษณะรับจ้างผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้า(โออีเอ็ม)ด้วย

บาร์ไลน์ฐาน “ในอีก 2 ปีข้างหน้ามีแผนจะนำบริษัทลูกบางบริษัทเข้าจดทะเบียนเพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขยายกิจการ”

นางมรกต กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่รัฐบาลชุดปัจจุบันชูนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล รวมทั้งการผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคบริการเช่นสถาบันการเงินหรือแบงก์ต่างๆ จะต้องมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อรองรับการให้บริการทางการเงินสมัยใหม่ จะเป็นโอกาสในธุรกิจไอทีของทางกลุ่มที่จะเข้าไปช่วยวางระบบ ทั้งการเขียนโปรแกรมและพัฒนาซอฟต์แวร์ให้แมตชิ่งกัน การวางระบบป้องกันความปลอดภัยต่างๆ และเป็นเอาต์ซอร์ซในการดูแลและบำรุงรักษาระบบ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,315 วันที่ 19 - 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว