วิทยาการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงาน ตำแหน่งงานหลายอาชีพมีโอกาสสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะที่อนาคตมีแนวโน้มที่จะเกิดอาชีพใหม่มากมายที่ไม่ อาจคาดการณ์ได้ในขณะนี้ การศึกษาในปัจจุบันจึงไม่เพี ยงต้องให้ความรู้แก่ผู้เรียน แต่จะต้องเสริมสร้างให้เยาวชนมี “ทักษะ” สามารถปรับตัวเข้ากั บการทำงานและการใช้ชีวิ ตในศตวรรษที่ 21 ในอนาคตข้างหน้า เพื่อเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงในระยะยาว
การประชุม World Economic Forum ประจำปี 2016 ซึ่งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นของผู้นำจากภาคการเมือง เศรษฐกิจ และประชาสังคม จากทั่วโลก ได้จัดอันดับทักษะที่จำเป็นต่ อการประสบความสำเร็จในยุคศตวรรษที่ 21 สามอันดับแรก ได้แก่ ทักษะการแก้ไขปัญหา การคิดวิเคราะห์ และการคิดสร้างสรรค์ ซึ่งทักษะเหล่านี้ล้วนได้ มาจากประสบการณ์และการฝึกฝน โดยผ่านการเรียนรู้ที่ไม่ใช่แค่ การท่องจำเพื่อสอบ แต่มุ่งเน้นการคิดวิเคราะห์อย่ างเป็นระบบ มีการเชื่อมโยง และสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในการค้นหาคำตอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเร่ งพัฒนาเยาวชนให้มีทักษะที่พร้อมต่อความต้องการของศตวรรษที่ 21 ผ่านแนวทางการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือ สะเต็มศึกษา (STEM: Science, Technology, Engineering and Mathematics Education) และฝึกฝนการคิดวิเคราะห์ และประยุกต์ใช้ความรู้ทั้งสี่ ศาสตร์ดังกล่าวในการดำรงชีวิ ตและประกอบอาชีพได้
สสวท. จึงได้เดินหน้าผลักดันโครงการสะเต็มศึกษาอย่างเต็มที่ พร้อมเชิญภาคเอกชนเข้าการร่วมสนับสนุนในรูปแบบ “รัฐร่วมเอกชน” เพื่อเสริมความแกร่งและเพิ่ มความความยืดหยุ่นในการดำเนิ นงาน โดยล่าสุดได้จัดประชุมเครือข่ ายความร่วมมือภาครัฐและเอกชนขั บเคลื่อนสะเต็มศึกษา ครั้งที่ 2: การพัฒนาทักษะเยาวชนสู่ศตวรรษที่ 21 เพื่อร่วมระดมความคิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และหารือแนวทางการขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินกิจกรรมตามความถนัดขององค์กรเพื่ อขับเคลื่อนและพัฒนาสะเต็มศึกษาในประเทศไทย
ดร. พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “การสนับสนุนจากภาคเอกชนจะเป็ นพลังเกื้อหนุนที่สำคัญต่อการพั ฒนาคุณภาพการเรียนการสอนเพื่ อสร้างทักษะที่จำเป็นต่อเยาวชน โดยผ่านทางการบูรณาการทรั พยากรและความรู้ความชำนาญที่เป็ นจุดแข็งของภาครัฐและเอกชนเข้ าด้วยกัน เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้ และการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิ ภาพ สามารถตอบสนองยุทธศาสตร์ ประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิผล”
Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต โครงการระยะยาว 5 ปี ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สสวท. และพันธมิตรจากภาครั ฐและภาคประชาสังคม นับเป็นตัวอย่างความสำเร็ จของความร่วมมือในแบบ “รัฐร่วมเอกชน” ในการพัฒนาสะเต็มศึ กษาในประเทศไทย ผ่านทางการเสริมสร้างศักยภาพด้ านสะเต็มให้แก่บุคลากรผู้สอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และนักศึกษาสายอาชีพให้มี ความพร้อมและทักษะที่ตอบรับกับตลาดแรงงานในอนาคต อันจะเป็นการเสริมสร้างขี ดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ก้าวสู่การมีระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิ จ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัดกล่าวว่า “เชฟรอนให้ความสำคัญกับการส่ งเสริมการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาศั กยภาพของเด็กและเยาวชนผ่านการส่ งเสริมการศึกษาในสาขาสะเต็ม เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนา “พลังคน” เป็นรากฐานสำคัญในการพั ฒนาเศรษฐกิจและสั งคมของประเทศอย่างยั่งยืน โดย Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต เป็นโครงการล่าสุดของความมุ่งมั่ นนี้ โดยในสองปีแรกของการดำเนินงาน โครงการฯ ประสบผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยม สามารถสร้างเสริมศักยภาพผู้บริ หารสถานศึกษาและครูผู้สอนวิชาวิ ทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ และอาจารย์ในสายอาชีวศึกษาไปแล้ วกว่า 4,000 คน มีการเสริมทักษะแก่นักเรียนชั้ นมัธยมต้นและนักศึกษาในสายอาชี วศึกษาไปแล้วกว่า 170,000 คน และสามารถสร้างการรับรู้ และแรงบันดาลใจในการศึ กษาและประกอบอาชีพในสาขาสะเต็ มศึกษาแก่เยาวชนและสาธารณชนได้ กว่า 380,000 คน ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือจากพั นธมิตรทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ตลอดสองปีแรกของการดำเนินโครงการฯ”
“บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เป็นองค์กรภาคเอกชนที่มีพันธกิ จในการจัดหาพลังงานทั้งก๊ าซธรรมชาติและน้ำมันเพื่อขั บเคลื่อนการพัฒนาตลอดจนเสริมสร้ างความมั่นคงทางพลั งงานของประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 55 ปีของการดำเนินงานในประเทศไทย เราไม่เพียงวางรากฐานด้ านการสำรวจและผลิตพลังงาน แต่ยังมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรกับสังคมไทยผ่านการสนับสนุ นโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่ งยืน” นายอาทิตย์ กล่าวทิ้งท้าย