เปิดประวัติ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา “ว่าที่ ผบช.น.คนใหม่” อายุน้อย แบ็คดี แซงรุ่นพี่ เข้าป้าย

07 ส.ค. 2564 | 07:30 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2564 | 18:43 น.
73.4 k

รายงานพิเศษ : เปิดประวัติ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา “ว่าที่ผบช.น.”คนใหม่ อายุน้อย แบ็คดี แซงงรุ่นพี่ เข้าป้าย คุมเมืองหลวง

ผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา สำหรับการประชุมให้ข้อมูลประกอบการคัดเลือกผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง ผู้บัญชาการ (ผบช.) เพื่อใช้ประกอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.) รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) วาระประจำปี 2564 โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธาน  

 

ในการแต่งครั้งนี้ มีตำแหน่งว่าง ระดับ รอง ผบ.ตร.ว่าง 2 ตำแหน่ง ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 9 ตำแหน่ง ระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ว่าง 20 ตำแหน่ง ระดับ รองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) ว่าง 42 ตำแหน่ง และ ผบก.ว่าง 84 ตำแหน่ง การแต่งตั้งนายพลตำรวจปีนี้ จะมีตำแหน่งว่างทั้งสิ้น 157 ตำแหน่ง รวมการแต่งตั้งโยกสลับระนาบเดียวกัน จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายกว่า 200 ตำแหน่ง 

 

เบื้องต้นคาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะนัดประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับ ผบก.- รอง ผบ.ตร. ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมนี้

 

ตำแหน่งหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของคนเมืองหลวง คือ ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” หรือ “ผบช.น.” ที่จะเข้ามารับไม้ต่อจาก พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ที่เกษียณอายุราชการ

 

ล่าสุด มีรายงานว่า บุคคลที่เป็นตัวเต็งจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.น.คนใหม่ คือ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. 
 

สำหรับ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 50 (นรต.รุ่น 50) หากได้เป็น ผบช.น. ก็ถือว่าเป็นการเบียด พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จเรตำรวจ สบ 8 นรต.รุ่น 38  รุ่นพี่ ที่เป็นตัวเต็งอีกคนหนึ่งหลุดไปในตำแหน่งนี้ 


เพราะตามโผ เมื่อ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ได้ขึ้นคุมนครบาล พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ก็ถูกวางตัวให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) แทน 

 

สำหรับ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา อายุ 48 ปี เคยเป็นเด็กวัด คอยเดินตามพระวัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี แล้วกินข้าวก้นบาตรทุกวัน จึงปลูกฝังนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยความมุ่งมั่น สอบเข้าเรียนต่อ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 34 นักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 50 (นรต.รุ่น 50) 

 

เริ่มลุยงานตำรวจในตำแหน่ง พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เป็นได้อยู่ 3 ปี ก็ได้รับรางวัลพนักงานสอบสวนดีเด่น จาก พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น. ในขณะนั้น ก่อนจะย้ายไปทำงานที่ทะเบียนพล คอยติดตาม พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. ในขณะนั้น

 

สำหรับ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ถือว่าเป็นสายแข็งที่สุดในหมู่เพื่อน นรต.รุ่น 50 ตั้งแต่เป็น สว.งานสายตรวจ 2 รอง ผกก.สายตรวจ เป็น ผกก.สายตรวจ กระทั่งขึ้น เป็น รอง ผบก.การสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ก็ก้าวกระโดดโตไว แซงหน้าเพื่อนๆ

 

นอกจากจะมี แบ็คดี มี "ผู้ใหญ่" คอยเมตตาส่งเสริมแล้ว เบื้องหลังความสำเร็จก็ได้มาจากหยาดเหงื่อ แรงสมอง แรงกาย ด้วยผลงานที่ออกสู่สายตาประชาชนเป็นระยะๆ เองด้วย

 

ด้านผลงานจับกุมที่ผ่านมานั้น ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นการระดมปิดล้อมชุมชนเพื่อกวาดล้างยาเสพติด การลักลอบจำหน่ายยาเสพติดโดยส่งทางไปรษณีย์และบริษัทขนส่งเอกชน

 

การปราบปรามการปล่อยเงินกู้นอกระบบ, การปราบปรามการค้ามนุษย์ และการจับกุมหมายจับค้างเก่า คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และคดีที่เป็นที่สนใจของประชาชน ฯลฯ และคดีดังระดับประเทศอีกมากมาย 

 

ก่อนจะเข้าไปครองตำแหน่ง รองผบช.น. ในปี 2562 นั้น ได้เป็น ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 มาก่อน ซึ่งปฏิบัติงาน การถวายอารักขาและถวายความปลอดภัยแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ 

 

และเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ออกตรวจตรา ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดจับ เน้นการควบคุมอาชญากรรมให้ได้มากที่สุด และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน 

 

รวมทั้งเป็นหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจท้องที่ ในการอำนวยความสะดวก และบริการประชาชนเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เป็นไปตามกรอบของบทบัญญัติทางกฎหมาย

 

ตำแหน่งต่าง ๆ ที่ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา เป็นผ่านมาแล้ว ประกอบไปด้วย สารวัตรงานสายตรวจ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ, สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลบางนา, รองผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้กำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล

 

รองผู้กำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง, ผู้กำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 และยังเป็นนายตำรวจราชสำนักเวร อีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการจะเข้าสู่ตำแหน่ง “ผบช.น” เรื่อง “อาวุโส” ก็มีส่วนสำคัญ ต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพราะในอดีตทุกคนที่ก้าวขึ้นมาเป็น ผบช.น.ได้ในรอบ 10 กว่าปีมานี้ ล้วนเป็นที่ยอมรับด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น   

 

พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ระหว่างปี 2550 - 2550

 

พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ระหว่างปี 2550 - 2551

 

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ระหว่างปี 2551 -  2552

 

พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ระหว่างปี 2552 - 2552

 

พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ระหว่างปี 2552 - 2553

 

พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ระหว่างปี 2553 - 2554

 

พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ระหว่างปี 2554 - 2555

 

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ระหว่างปี 2555 - 2557
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ระหว่างปี 2557 - 2558

 

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ระหว่างปี 2559 - 2560

 

พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ระหว่างปี 2560 -  2561

 

พล.ต.ท.สุทธิพงศ์ วงปิ่น ระหว่างปี 2561 -  2562

 

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ระหว่างปี 2562 – ปัจจุบัน

 

นายตำรวจทุกคนที่ผ่านมาที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็น ผบช.น. ล้วนฝีมือขั้นเทพกันทั้งนั้น 
กระนั้นก็ตาม หาก พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ได้เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.น. ตามโผในขณะที่อายุยังน้อย เมื่อได้เข้า “ไลน์”ระดับ “ผู้บัญชาการ” ก็จะปิดทางนายตำรวจรุ่นพี่คนอื่นๆ 

 

และตัวเองก็มีโอกาสเติบโตในตำแหน่งที่สูงขึ้น แซงคนอื่นไปก่อน ว่าอย่างนั้นเถอะ

 

สำหรับ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา เรียกได้ว่า เดินตามรอย บิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา(สบ9) (นรต.รุ่น 47)  และเป็นเพื่อนกับ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช (นรต.รุ่น 44)  รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในวัยราว 45 ปี 

 

สำหรับ “บิ๊กโจ๊ก” อยู่ในไลน์ที่สามารถขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และปีโอกาสไต่เต้าไปถึงตำแหน่งสูงสุดในวงการสีกากี คือ ผบ.ตร. 

 

เช่นเดียวกับ บิ๊กต่อ-พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ครั้งนี้ติดโผขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็มีโอกาสขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในอนาคต

 

พล.ต.ต.สำราญ และ  พล.ต.ต.จิรภพ ก็เช่นกัน มีโอกาสเติมโตตาม ๆ กันไป จนถึงระดับสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยเช่นกัน...