ตำรวจระดมกำลัง 5,700 นาย ตั้ง 14 จุดตรวจค้นรับมือม็อบ 7 ส.ค.

06 ส.ค. 2564 | 13:37 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2564 | 21:09 น.
868

ตำรวจนครบาลเตรียมกำลัง 38 กองร้อย หรือราว 5,700 นาย รับมือ “ม็อบ 7 ส.ค.” ตั้งจุดตรวจค้น 14 จุด รอบพื้นที่ ชี้ข่าวแจ้งอาจเกิดกระทบกระทั่งรุนแรง

วันนี้(6 ส.ค.64) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผูบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในฐานะ โฆษก บช.น. เปิดเผยถึงการรับมือการชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า  มีการนัดหมายชุมนุม 3 กลุ่ม คือ 

 

กลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่นัดหมายบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนไปพระบรมมหาราชวัง 

 

กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ เคลื่อนไปทำเนียบรัฐบาล

 

และ กลุ่มแดงก้าวหน้า 63 ที่มีการรวมตัวในจังหวัดต่าง ๆ ก่อนเคลื่อนตัวมาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 

จึงย้ำเตือนว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การรวมตัวมั่วสุม ไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย โดยจะเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา ทั้งการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ 

 

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ตำรวจมีการจัดเตรียมกำลังไว้ 38 กองร้อย  (1 กองร้อย ประมาณ 150 นาย 150 X 38 = 5,700 นาย) และมีกำลังสนับสนุนเพียงพอรองรับสถานการณ์ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมตั้งจุดตรวจค้น 14 จุด รอบพื้นที่ชุมนุม เพื่อป้องกันเหตุร้าย และมือที่สาม 

 

โดยแนวรั้งหน่วงสุดท้ายจะอยู่บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ และ สะพานชมัยมรุเชฐ 

 

“การข่าว อาจจะมีการกระทบกระทั่งอย่างรุนแรง เนื่องจากพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มเดิมๆ ที่มักใช้วิธีการที่รุนแรง หรือใช้สิ่งเทียมอาวุธในการชุมนุมบ่อยครั้ง ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมซักซ้อมการปฏิบัติ เน้นย้ำการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ทั้งเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน และประชาชน หากพบมีความพยายามบุกรุก เผาทรัพย์ หรือ ใช้ระเบิดเพลิง ตำรวจก็ต้องใช้มาตรการป้องกัน ไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย โดยใช้ยุทธวิธีตามหลักสากล ส่วนแกนนำที่มีคดี หรือหมายจับ ย้ำว่าหากพบเมื่อไหร่ ก็จะมีการจับกุมดำเนินคดีทันที" รองผบช.น. ระบุ
 

ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น.ดูแลงานจราจร กล่าวว่า คาดว่าจะมีเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม 13 เส้นทาง และ 1 สะพาน โดยรอบอนุสารีย์ประชาธิปไตย สนามหลวง และ ทำเนียบรัฐบาล จึงแนะนำให้ประชาชนทั่วไป หลีกเลี่ยงเส้นทาง เพื่อลดผลกระทบด้านการจราจร