สองพระอริยบุคคลสนทนาธรรมกัน

30 ม.ค. 2568 | 05:00 น.

สองพระอริยบุคคลสนทนาธรรมกัน คอลัมน์ ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

นี่คือการสนทนาธรรม ระหว่าง พระราชวุฒาจารย์หรือหลวงปู่ดูลย์ ลูกศิษย์รุ่นแรกของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กับ พระราชภาวนาวัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล 

เนื้อหาสาระนี้เล่ากันว่าลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ในยุคนั้นก็ยังเคารพและไปมาหาสู่ทางวัดกระโจมทองบ้าง เพื่อมาขอความรู้จากหลวงพ่อเจ้าคุณฯและร่วมงานสัมมนาพระวิปัสสนาจารย์ทั่วประเทศ

เรื่องมีอยู่ว่า หลวงพ่อสุทัศน์ ได้เดินทางไปโรงพยาบาลจุฬาเพื่อตรวจสุขภาพ เมื่อทราบว่า หลวงปู่มาพักรักษาตัวที่นี่ จึงเดินเข้าไปเพื่อกราบนมัสการ เมื่อหลวงปู่ดูลย์เห็นหน้าแล้วก็มองด้วยความนิ่ง

หลวงพ่อสุทัศน์เห็นหนังสือสวดมนต์เปิดบทโพชฌงค์อยู่ จึงถามลูกศิษย์ที่เฝ้าหลวงปู่ว่า

"สวดให้หลวงปู่ฟังเหรอ ตอนผมป่วยผมก็ท่องบทนี้หรือบางทีลูกศิษย์ก็สวดให้ฟังเหมือนกัน" 

เมื่อหลวงปู่ได้ยินจึงหันมามองแล้วถามว่า... เมื่อฟังแล้วเป็นอย่างไร?

"ก็พิจารณาไปเรื่อยๆ ตรงที่เจ็บที่ปวด แปลกดีเหมือนกันครับ สิ่งที่เจ็บปวดนั้น มันก็เป็นไป แต่ทว่า จิตไม่ได้คล้อยตาม เหมือนเป็นยามที่คอยเฝ้าดูเฉยๆ แม้ว่าเวทนาจะเกิดแต่เราไม่อะไรกับอะไรทั้งสิ้นครับ แปลกที่สุดเหมือนจิตมีกำลังมากด้วย" 

ในจิตเป็นอย่างไรล่ะ?

"มันเกิดแล้วมันก็ดับ ผมตามดูไปตลอดสายตามไปเรื่อยๆไปดูว่าจะจบตรงจุดไหน"

มีอะไรติดขัดไหมเมื่อตามดู? 

"ไม่มีครับ เพราะเราตามดูเฉยๆ ไม่ได้ใส่ความรู้สึกอะไรลงไปไม่ใส่ความอยากรู้อะไรลงไป เฝ้าดูแบบสังเกตไม่ได้เพ่ง" 

จิตมีกี่ดวง.. หลวงปู่ถาม.. 

ในภาษาคัมภีร์มีมากมาย แต่ความจริง จะมีมากกว่าหรือน้อยกว่าไม่ใช่ปัญหา แต่ที่สำคัญมันเหนือคำพูดทั้งหมด มันยากที่จะอธิบาย อาจจะพูดได้ว่าเป็นเพียงจิตเดียวหนึ่งเดียวครับ แล้วของหลวงปู่ล่ะครับ"

หลวงปู่ตอบว่า "เหมือนกันไม่ต่างกัน การปฏิบัติ ทุกวันนี้ไปสร้างอะไรมาซับซ้อนกันบังกันหมด  จนไม่สามารถเข้าถึงของแท้ๆ เดิมๆ ได้ อย่างคุณเอาตัวรอดได้แล้วมาถูกทางแล้วสบายแล้ว"

หลวงปู่ถามว่า เคยอยู่ป่าไหม? 

"เคยครับ... ผมเดินจากภาคใต้ ไปพม่า โดยเข้าทางเกาะสอง ไปวิกตอเรีย เคยหลงป่าเป็นปี อดอาหารเป็นวันๆด้วยครับ"

หลงป่าอดหารอาหารแล้วไม่มีเทวดามาใส่บาตรหรอ? หลวงปู่ถาม

"เทวดาที่ไหนจะมาใส่ครับ ผมต้มน้ำกินกันแก้ความหิว เดินตามลำธารหลายวัน กว่าจะพบหมู่บ้าน" 

อืม.. คุณพูดความจริง... หลงป่าเทวดาอะไรที่ไหนจะมาใส่บาตร หลวงปู่ดูลย์กล่าว

เจอสัตว์ป่าดุร้ายแผ่เมตตาให้เขาหรือเปล่า? 

"ไม่ได้แผ่เลยครับหลวงปู่ ผมเจอช้างป่าสามสิบกว่าเชือกคือเป็นโขลง ดุร้ายมากวิ่งมาทางผม หลบก็ไม่ทัน ได้แต่ยืนนิ่งนึกในใจตายเป็นตายแล้วก็ยืนภาวนา พอมาถึงตัวผมช้างก็วิ่งแยกออกสองทางผมยืนตรงกลางจิตก็ดับตกเข้าภวังค์เลย ดับแบบหูไม่ได้ยิน จมูกไม่ได้กลิ่น สักระยะหนึ่งนานเท่าไหร่ไม่ทราบจิตบอกให้ค่อยๆตื่นพอ ลืมตามาอีกทีช้างค่อยๆไปไกลแล้ว 

บางที เจอสัตว์แปลกๆ เสือก็ไม่ใช่ สุนัขก็ไม่ใช่ สีดำ ตัวเท่าเอว ไม่รู้จะทำอย่างไรวางบริขารได้ก็ปีนขึ้นต้นไม้เลยครับ

อืม..คุณพูดแต่ความจริง เพราะสมัยผมเดินธุดงค์เข้าป่าไปแล้วเจออะไรอย่างนี้ บางทีผมก็ทำแบบนี้เหมือนกัน หลวงปู่ดูลย์สำทับ 

หลวงพ่อสุทัศน์เห็นสมควรแก่เวลาขอลากลับ 

สักครู่หลวงปู่ครองผ้าขอไม้เท้าจากลูกศิษย์ซึ่งลูกศิษย์ที่เฝ้าดูแลอุปัฏฐากก็แปลกใจมากไม่เคยเห็นหลวงปู่เป็นแบบนี้มาก่อน.. 

หลวงปู่จะออกไปไหนครับ? ลูกศิษย์ถาม

"พระรูปนั้นไม่ธรรมดาท่านถึงฝั่งแล้ว ไปไปนิมนต์ท่านไว้จะคุยต่อ"

พระรีบออกมาดักนิมนต์หลวงพ่อสุทัศน์ให้อยู่ต่อ... 

"ขอโอกาสครับ หลวงปู่ขอนิมนต์ให้อยู่ต่อครับ" 

สักครู่หลวงปู่ดูลย์เดินออกมาแล้วก็เลยมานั่งสนทนาที่หน้าห้องพักหลวงปู่ถามว่า

ศีล สมาธิ ปัญญา อันไหนมาก่อนหลัง? 

"มาพร้อมกันครับ ศีลอันไหนสมาธิอันนั้นสมาธิอันไหนปัญญาอันนั้น" 

เออ.. เมื่อเข้าถึงจึงพูดเข้าใจง่ายดี 

ทราบว่าหลวงปู่อยู่กับพระอาจารย์มั่น ท่านเน้นสอนสมาธิอย่างเดียวหรอครับ? หลวงพ่อสุทัศน์ถาม

ผู้มาใหม่ๆก็นั่งสมาธิแบบนั้นก่อนแต่ถึงระยะหนึ่งท่านก็ให้พิจารณธรรมมากกว่า.. 

สอนเรื่องกรรมกับลูกศิษย์บ้างไหม? หลวงปู่ถาม

"สอนครับแต่ไม่มากเพราะสอนเรื่องกรรมแล้วไม่ค่อยจบเพราะจะไปติดอยากรู้นั่นรู้แบบนี้ อดีตชาติเป็นแบบนั้นแบบนี้ เลยมาเน้นสอนที่สติปัฏฐาน 4" 

มาหาหมอเป็นอย่างไรบ้าง? 

"พอทนอยู่ได้ครับ" 

หลวงปู่มองด้วยแววตาเป็นประกายดุจเพชร อมยิ้มเป็นนัยๆพร้อมยกมือขึ้นแล้วเปล่งวาจาว่า

"สาธุ" 

ว่างๆ ไปวัดบูรพาราม สุรินทร์บ้างนะ ผมอยู่ที่นั่น  

สักครู่แพทย์พยาบาลรีบเดินมานิมนต์ให้หลวงปู่เข้าห้องพักไม่ควรออกมาข้างนอกอาจติดเชื้อได้

หลวงปู่ดุลย์ มองหลวงพ่อสุทัศน์ แล้วพยักหน้าช้าๆ แล้วท่านก็ค่อยๆเดินกลับเข้าห้อง... 

นี่คือการสนทนาธรรมของพระกัมมัฏฐานรุ่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สนทนาแบบอริยธรรม ง่ายๆตรงๆ ซื่อๆชัดๆ ไม่ต้องสร้างมุตโตโวหารใดๆ