คนแก่กับการหกล้ม เป็นเรื่องที่ปกติที่สุด!!

25 ก.พ. 2566 | 05:00 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.พ. 2566 | 06:29 น.
715

คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

หลายอาทิตย์ก่อน กลุ่มนักศึกษาดุษฎีบัณฑิตสาขาสาธารณสุขศาสตร์ ที่ผมได้มีโอกาสร่วมเรียนด้วย ได้ส่งหัวข้องานวิจัยดุษฎีนิพนธ์ เพื่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาได้ช่วยตรวจให้ ก็มีเพื่อนท่านหนึ่ง ท่านเป็นอาจารย์ทางด้านพยาบาลศาสตร์ ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของผม ได้เสนอเรื่องที่เกี่ยวกับ “ภาวะการหกล้มของผู้สูงอายุ” 

ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือผมได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ถึงเรื่องนี้ว่า อันที่จริงการหกล้มกับคนแก่หรือผู้สูงวัยนั้น เป็นเรื่องปกติมากๆ เพราะสังขารหรือมวลกระดูกที่ใช้งานมาช้านาน ไม่ต่ำกว่า 60 ปี ย่อมเสื่อมโทรมไปตามธรรมชาติ 

ดังนั้นบางคนที่อาการหนักหนาสาหัสจริงๆ อาจจะถึงขั้นเกิดอาการโรคกระดูกพรุน หรือที่เบาๆ หน่อยก็เป็นอาการของความหนาแน่นของมวลกระดูกเปราะบางลงไปแล้ว ซึ่งคนแก่หรือผู้สูงวัยทุกคนต้องเผชิญอยู่ด้วยกันทุกผู้ทุกคนแหละครับ อยู่ที่ว่าใครจะใส่ใจหรือไม่เท่านั้นเองครับ

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรละว่า เป็นอาการเช่นนั้นหนักหนาหรือไม่หนักหนาแค่ไหน ? อันที่จริงก็ไม่ยากครับ แค่ท่านไปที่โรงพยาบาล แล้วก็ไปพบแพทย์ทางด้านศัลยศาสตร์กระดูกและข้อทั่วไป แล้วให้คุณหมอตรวจให้ หรือจะร้องขอให้ช่วยตรวจสภาวะมวลกระดูกดูเลยก็จะทราบทันทีว่าเรามีอาการไปถึงไหนแล้ว 

เช่น ถ้าพบว่าตนเองมีค่า T score มากกว่า -1 ก็เท่ากับว่า ความหนาแน่นกระดูกของเรายังเป็นปกติ (Normal bone) หรือมีค่า T score ที่อยู่ต่ำกว่า -1 แต่สูงกว่า -2.5 นั่นก็เริ่มเข้าสู่อาการมีมวลกระดูกบาง (Osteopenia) แล้วละครับ ที่หนักหนาจริงๆ ก็จะมีค่า T score ต่ำกว่า -2.5 นั่นแสดงว่าเรากำลังมีอาการโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)เรียบร้อย เมื่อพบแล้วคุณหมอท่านจะบอกเราเองแหละว่า เราควรต้องประพฤติปฏิบัติตนอย่างไรต่อไปครับ 
        
โดยส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัยอย่างเรา ทุกคนต้องพบเจอเแน่นอน ไม่มีใครสามารถร้องขอให้เทวดาช่วยบันดาลให้เรา เป็นบุคคลพิเศษไม่ต้องแก่ได้หรอกครับ เพราะเราอยู่บนโลกใบนี้มานานกว่า 60 ปีไปแล้ว 

ดังนั้นเราควรจะต้องระมัดระวังตนเองเท่านั้นเอง เช่น ต้องระวังอย่าไปยืนบนเก้าอี้หรือปีนบันไดสูงๆ เพื่อไปหยิบสิ่งของหรือไปทำอะไรที่ควรให้คนที่ร่างกายกำยำทั่วไปเขาทำกัน เพราะถ้าพลัดตกบันไดหรือเก้าอี้ลงมา ภรรยาเราจะพูดว่า  “โสน้าน่า” เอานะครับ 

ต่อมาก็ต้องพยายามอย่าออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านในวันที่ฝนตกถนนลื่นละ ถ้ามีธุระจำเป็นที่จะต้องออกไปจริงๆ ก็ควรต้องใส่รองเท้าที่กันลื่นได้เท่านั้น จงคิดเสมอว่า “เราแก่แล้วนะ ไม่ได้เป็นหนุ่มๆ อีกต่อไป”
     
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มองข้ามไม่ได้เลยคือ การใช้ห้องน้ำ หรือการเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำคนเดียว ถ้าอยู่ที่บ้านจงอย่าได้ล็อกประตูห้องน้ำโดยเด็ดขาด เพราะถ้าหากเราเกิดมีการลื่นล้มในห้องน้ำ จะได้มีคนเข้าไปช่วยเราทันเวลา 

จงระลึกเสมอว่า หากเราหกล้มหัวฟาดพื้น ถ้าไม่มีคนช่วยนำส่งโรงพยาบาล ผ่านไปเพียง 6 ชั่วโมง ถ้ายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ เทวดาก็จะมีรางวัลมอบให้ท่าน “เป็นผู้พิการทางสมอง” ได้โดยไม่ต้องปฏิเสธการรับรางวัลนะครับ 

เรื่องต่อมาคือการตื่นนอนตอนกลางดึก ต้องอย่าลืมเปิดไฟก่อนลุกออกจากเตียงนะครับ เพราะในฐานะคนแก่ ความจำของเราจะมีอาการลืมง่ายเกิดขึ้นเสมอครับ เราอาจจะลืมวางโน่น นี่ นั่น ไว้ขวางหูขวางเท้าเราได้ ตื่นขึ้นมางัวเงียๆ ประเดี๋ยวก็จะไปชนสิ่งของหกล้มขึ้นมา ก็จะได้รับรางวัลอีกหร๊อก!! 

อีกเรื่องที่พวกเราชาวผู้สูงอายุมักจะติดนิสัย คือชอบยืนสวมกางเกงหรือสวมถุงเท้ากัน อันนี้ก็ต้องระวัง! อย่าหาทำโดยเด็ดขาด เพราะการทรงตัวของเรา จะไม่เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว โอกาสที่จะหัวคะมำมีสูงมาก ควรจะหาเก้าอี้สักตัว ไว้เป็นที่พึ่งพิงในการนั่งลงแล้วค่อยสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ ก็จะได้อยู่กับโลกใบนี้แบบวิญญูชนทั่วไปนานๆ ครับ
      
แล้วถ้าหากเราเกิดมีความจำเป็นโดยที่เราไม่อยากแต่ต้องหกล้มละ จะต้องทำอย่างไร? เราในฐานะคนชรา ก็ต้องตั้งสติให้ดีก่อนนะครับ ขอให้พยายามม้วนตัวลงก่อนก็จะปลอดภัย แต่บางครั้งเราก็คงตกอกตกใจ ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน 

ถ้างั้นเราก็ควรจะต้องใช้มือยันพื้นไว้ก่อนที่ร่างกายส่วนอื่นๆ ของตัวเราล้มลงนะครับ ถ้าหากจำเป็นจะต้องให้แขนหรือข้อมือถลอกบ้างหรือต้องหักบ้าง ก็ยังดีกว่ากระดูกต้นขาหรือข้อสะโพกแตกหักนะครับ เพราะนั่นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต เสียเงินเสียทองไม่ว่า แต่เสียเวลาใช้ไม้เท้าหรือนั่งวีลแชร์นี่สิ ยาวๆไปแน่ๆ เลยครับ
        
ผลที่จะตามมาหากผู้สูงอายุหกล้ม แน่นอนว่ากระดูกที่มีภาวะมวลกระดูกต่ำ เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะหากศีรษะกระแทกลงพื้น ถ้าโชคดีก็แค่ถลอกปอกเปิกเล็กน้อย แต่ถ้าโชคร้ายโรคอัมพาตอัมพฤกษ์ก็จะถามหา ที่หนักกว่านั้นอาจจะทำให้อายุสั้นลงไปอีกสิบปีก็เป็นได้ หรือถ้าเบาลงมาอีกนิดนึง ก็กระดูกกระเดี้ยวแตกหัก 

ดังนั้นเราแก่แล้ว ไม่ควรจะต้องมีเวลาว่างไปหกล้มนะครับ เราอย่าไปยุ่งกับกิจกรรมหรือเรื่องที่คนหนุ่มคนสาวเขาทำกัน เพราะเราไม่ได้อยู่ในวัยระดับเดียวกันกับเขาครับ เราแก่แล้ว ก็ทำในสิ่งที่ชอบที่ควรทำ และกินในสิ่งที่ชอบกิน หมั่นไปพบแพทย์เพื่อการดูแลสุขภาพของตนเอง  นั่นจะเป็นเรื่องที่ชาญฉลาดที่สุดครับ