เงินทองของนอกกาย

17 ธ.ค. 2565 | 06:00 น.
1.8 k

คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เราคงคุ้นเคยกับคำว่า “เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้” หรือคำพังเพยที่เกี่ยวกับเงินๆทองๆ มากันเยอะแยะมาก แต่ทุกครั้งที่ผมได้รับฟังมา มักจะไม่ค่อยลึกซึ้งหรือเข้าถึงความหมายที่แท้จริงเลยสักครั้ง เพราะเมื่อครั้งที่ยังมีอายุไม่มาก หรือยังยากจนอยู่ เงินมักจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงค์ชีวิตอยู่เสมอ เพราะหากเราไม่มีเงินทอง ก็ยากที่จะทำอะไรได้สมดังใจปรารถนา หรือแม้เราจะมีเงินทองมากมายเพียงใด
 

แต่ถ้าใจเรายังมีจิตโลภะหลงเหลืออยู่  เราก็ไม่สามารถตัดกิเลสตัณหาของตนเองได้  เราก็ยังคงยึดมั่นถือมั่นกับ “เงินทอง”อยู่ดีครับ เรื่องนี้ผมเชื่อว่าตราบใดที่เรายังคงต้องใช้เงินทอง ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้แลกเปลี่ยนปัจจัยในการดำรงค์ชีวิตอยู่ เราก็จะตัดมันไม่ขาดอย่างแน่นอนครับ
 

ที่เขียนพล่ามมาทั้งหมด ก็อยากจะให้มองภาพมนุษย์อีกท่านหนึ่ง ที่ผมรู้จักท่านดีมาก ท่านเป็นเสมือนพี่สาวที่ผมเองให้ความเคารพนับถือท่านมาก ท่านอาศัยอยู่ที่ไต้หวัน ท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่กว้างขวางมากในวงการท่องเที่ยวของไต้หวัน ในยุคที่ธุรกิจของท่านเฟื่องฟูสุดๆ ก็คือยุคก่อนหน้าการระบาดของโรคระบาด COVID-19
 

ท่านทำธุรกิจขายสินค้าของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยว ที่เข้ามาท่องเที่ยวในไต้หวัน ยุคนั้นนักท่องเที่ยวที่จับจ่ายซื้อสินค้าของที่ระลึกมากที่สุด สองอันดับแรกของไต้หวัน คือนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่นกับจีนแผ่นดินใหญ่ ทัวร์ของนักท่องเที่ยวสองประเทศนี้ ร้อยละ 90 จะต้องเข้าไปจับจ่ายซื้อหาของที่ระลึกจากไต้หวันกลับบ้านไปทุกคณะ เงินทองจึงไหลมาเทมาจริงๆ ครับ

 

ท่านจะเป็นคนที่ใจกว้างเป็นแม่น้ำมาก ทุกครั้งที่ท่านมาเที่ยวประเทศแถบอาเชียนเรา ท่านจะต้องแวะมาที่กรุงเทพฯ และผมจะต้องเป็นผู้คอยต้อนรับท่านเสมอ นอกจากนี้ท่านยังโปรดปรานห่านพะโล้ร้านฉั่วคิมเฮง ที่สี่แยกคลองตัน(ร้านเดิมที่ถูกรื้อทิ้งไปแล้ว) กับร้านเฮงหูฉลามที่อยู่ใกล้ๆ กัน โดยท่านจะต้องให้ผมพาไปทานอาหารดังกล่าวเสมอ บางครั้ถึงกับบินมาเช้าทานห่านเสร็จ กลางคืนทานหูฉลาม วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามาก็มาทานห่านพะโล้อีกรอบ พร้อมทั้งห่อกลับบ้านที่ไต้หวันอีกด้วยเสมอ
 

ท่านจะมีเพื่อนที่รู้ใจอยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็เป็นผมที่ได้รับเกียรติจากท่าน ในฐานะที่ท่านเปรียบเสมือนเป็นพี่สาวผม ท่านจะคอยสอนผมหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวางตนในสังคมอย่างถูกต้อง และการดำเนินธุรกิจฯต่างๆ อีกทั้งยังเอาเงินมาร่วมลงทุนกับผมที่ประเทศเมียนมาด้วย แต่พอสถานการณ์โรคระบาดเข้ามาสู่ประเทศเมียนมา ท่านก็จะรีบโทรศัพท์มาสอบถามและตักเตือนผม ไม่ให้ผมเดินทางไปกรุงย่างกุ้ง
 

ท่านบอกว่า “เงินทองของนอกกาย ไม่ตายยังหาใหม่ได้ อย่าเข้าไปโดยเด็ดขาด ให้รอสถานการณ์ดีขึ้นค่อยเข้าไปก็ได้” ท่านพูดอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่สถานการณ์เลวร้าย แต่พอประเทศเมียนมาเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง บ้านเมืองยุ่งเหยิงมาก ข่าวการเดินขบวน การปราบปรามต่างๆ ออกสู่โลกภายนอก ท่านก็ยิ่งห้ามไม่ให้ผมเดินทางเข้าไปโดยเด็ดขาด เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวผม จะเป็นเช่นนี้มาตลอดระยะเวลาสามปีมานี้ ต่อมาพอทางการเมียนมาได้เริ่มเปิดให้ชาวต่างชาติเข้าไปในกรุงย่างกุ้งได้ ผมเองก็แอบดื้อที่จะต้องเดินทางเข้าไปในกรุงย่างกุ้งอยู่บ่อยๆ โดยที่ไม่กล้าจะบอกท่าน แต่ท่านจะรู้หลังจากผมกลับมาจากกรุงย่างกุ้งแล้วจากทางสื่อออนไลน์เสมอ ก็ถูกท่านตำหนิไป.....

 

ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พอไต้หวันเปิดประเทศ ผมได้มีโอกาสเดินทางไป หนึ่งในวัตถุประสงค์ของการไปไต้หวันครั้งนั้น ก็เพื่อไปกราบเรียนพบท่าน เพื่อรายงานถึงสถานการณ์ในประเทศเมียนมาให้ท่านฟัง ท่านก็ได้แต่ถอนหายใจ และบ่นว่าบอกให้ผมไม่ต้องเข้าไปก็ไม่เชื่อ ผมก็บอกท่านไปว่า ผมต้องรับผิดชอบชีวิตของลูกน้องที่มีความจงรักภักดี ไม่ยอมหนีเราไปอีก 70-80 คน อีกทั้งยังมีทรัพย์สมบัติที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในนั้นอีกเยอะแยะไปหมด ดังนั้นอย่างไรก็ต้องเข้าไป ท่านก็ดุผมว่า “สมบัติเหล่านั้นใช้ซื้อชีวิตได้หรือไม่ละ? ไม่ควรจะยึดติดกับทรัพย์สมบัติ ร่างกายและชีวิตต่างหากคือสมบัติที่แท้จริงของตัวเราเอง หากเราไม่มีร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีชีวิตที่มีความสุข แม้จะมีทรัพย์สมบัติเยอะแยะก็ไม่สามารถนำเอาติดตัวไปได้ หากชีวิตเราต้องจบลง” 
 

วันนั้นในช่วงเที่ยง พี่สาวท่านนี้ก็ได้พาผมไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านแบบดังเดิมของไต้หวัน เราทานกันสามคนด้วยอาหารแบบง่ายๆ มีเมนูไก่ต้ม ไข่ผัดมะเขือเทศ ปลาเหลืองทอด และปลาหมึกต้ม ท่านทานไปพร่ำสอนผมไปว่า เห็นมั้ยว่า เงินทองที่มีอยู่มากมาย ก็ไม่ได้ซื้อหาความตายได้ มีน้องรักของท่านคนหนึ่ง ที่ผมก็รู้จักเธอดีมาก ก็จากไปด้วยวัยเพียงห้าสิบต้นๆ ด้วยโรคร้ายโควิดในครั้งนี้ แม้มีเงินมากมายสำหรับการรักษา ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอได้ หรือลูกชายแท้ๆ ของพี่สาวท่านนี้ ก็ประสบกับอุบัติเหตุ ทำให้เป็นอัมพฤกษ์อยู่ในขณะนี้
 

ท่านได้นำเงินไปบริจาคให้แก่โรงพยาบาลเป็นเงินก้อนโต ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย ทำให้วันนี้ท่านมองโลกอย่างปลงตกแล้ว ขอแค่การดำรงค์ชีวิตแบบเรียบง่าย และการใช้เวลาไปกับการดูแลสุขภาพของตนเองเป็นหลัก ส่วนกิจการที่มีรายได้มหาศาลในอดีต พอเกิดสถานการณ์โรคระบาด ทัวร์ญี่ปุ่นกับทัวร์จีนก็หยุดชะงักลง ทุกวันนี้มีแต่ทัวร์ไทยกับทัวร์เกาหลีเท่านั้น ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในไต้หวัน ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว ธุรกิจที่ทำก็เพื่อพนักงานที่จงรักภักดีเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงสอนผมว่า จงตั้งมั่นกับวันนี้ให้ดี ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า อย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาด เพราะเราต่างอายุมากแล้ว.....เงินทองเป็นของนอกกายจริงๆ ครับ